ICS มิกซ์ยูสน้องใหม่ บิ๊กโปรเจ็กต์คู่ “ไอคอนสยาม” บูมทำเลทองฝั่งธนฯ เจริญนคร

ภาพภายนอกอาคารโครงการ ICS

การเปิดตัว “ไอคอนสยาม” ศูนย์การค้าระดับไฮเอนด์อย่างยิ่งใหญ่ด้วยมูลค่าหลายหมื่นล้าน เมื่อปี 2561 สร้างความตื่นตัวให้กับย่านฝั่งธนบุรี อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน

มาปี 2565 นักลงทุนรายใหญ่กลุ่มเดิม ประกอบด้วย บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) และ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ได้ร่วมลงทุนใหม่อีกครั้ง ขึ้นโครงการ “ไอซีเอส” หรือ ICS มิกซ์ยูส ไลฟ์สไตล์ ทาวน์ แห่งใหม่ มูลค่า 4,000 ล้านบาท

ภายใต้แนวคิด Always A Good Day หรือ “ความสุขของทุกวันที่ไอซีเอส” ริมถนนเจริญนคร ฝั่งตรงข้าม “ไอคอนสยาม” ที่มีทางเชื่อมถึงกันทั้ง 2 โครงการใหญ่ เปรียบเสมือนสกายวอล์กที่ทำให้การสัญจรเข้า-ออกสะดวกสบาย และปลอดภัย โดยมีแพลตฟอร์มรถไฟฟ้าสายสีทอง สถานีเจริญนครเป็นศูนย์กลางการเดินทางระหว่างฝั่งกรุงเทพฯและฝั่งธนบุรี

3 ธุรกิจหลักในพื้นที่เดียวกัน

นายสุพจน์ ชัยวัฒน์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอซีเอส จำกัด ผู้บริหารโครงการไอซีเอส เปิดเผยว่า “ไอซีเอส” เป็นอาคารสูง 29 ชั้น บนพื้นที่ 5-1-94 ไร่ มีพื้นที่รวม 70,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจโรงแรม และอาคารสำนักงานในพื้นที่เดียวกัน

ที่สำคัญ ทางโครงการยังได้ผนึกกำลังกับพันธมิตรรายใหญ่ นั่นคือ “โลตัส” ที่กำลังจะเปิดตัว SMART Premium Supermarket แห่งแรกในไทย ด้วยขนาดพื้นที่ 3,000 ตารางเมตร เน้นจำหน่ายสินค้าพรีเมี่ยมทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงสินค้าท้องถิ่น สินค้านำเข้าในราคาที่จับต้องได้

พร้อมแบรนด์ดังกว่า 200 แบรนด์ ที่เตรียมเปิดให้บริการในโครงการไอซีเอสด้วย เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายในทุกระดับชั้น

นอกจากนี้ทางโครงการได้สร้างความต่าง และเป็นจุดขายใหม่ โดยพัฒนาพื้นที่เพื่อสุขภาพ Innovative Health and Lifestyle Center ในศูนย์การค้าแห่งนี้ด้วย ภายใต้ความร่วมมือกับโรงพยาบาลชื่อดังระดับประเทศ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่เน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายในทุกระดับให้สามารถเข้าถึงบริการด้านสุขภาพแบบครบวงจรได้ในจุดเดียว

“ด้านธุรกิจโรงแรม ทางไอซีเอสได้จับมือกับ ฮิลตัน การ์เด้น อินน์ เชนโรงแรมชื่อดังระดับโลก พร้อมเปิดให้บริการห้องพักจำนวน 241 ห้อง รองรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก รวมถึงนักเดินทางนักลงทุนจากกลุ่มธุรกิจ MICE หรือลูกค้ากลุ่มที่มาร่วมประชุม หรือจัดงานอีเวนต์ และนิทรรศการที่น่าสนใจ”

ทำเลทองฝั่งธน

โครงข่ายคมนาคมครบครัน

มากไปกว่านั้น สิ่งที่ทำให้ “ไอซีเอส” มีแต้มต่อคือ ระบบการขนส่งคมนาคมที่เชื่อมต่อถึงกันเป็นโครงข่ายใยแมงมุม ทั้งระบบรถ ระบบราง และทางเรือ

เนื่องจาก “ไอคอนสยาม” เป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ถือเป็นจุดแข็งที่สร้างมูลค่าด้านวิวทิวทัศน์แบบพาโนรามาได้ทั่วกรุงเทพฯ หากมองจากฝั่งโครงการ รวมถึงการนั่งเรือข้ามฟากไปยังฝั่งตรงข้ามก็สามารถเข้าถึงกรุงเทพฯ ชั้นในได้ในเวลาอันรวดเร็ว

ถือเป็นจุดแข็งที่ “ICS” ได้รับจากการเชื่อมต่อกับ “ไอคอนสยาม” ที่มีโครงการตั้งอยู่บริเวณโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา รองรับการหมุนเวียนของทราฟฟิกจากท่าเรือสาธารณะได้ถึง 99 ท่าเรือ

จากสถิติพบว่า มีผู้ใช้บริการขนส่งสาธารณะทางแม่น้ำเจ้าพระยาเฉลี่ยถึงวันละ 140,000 คน ในอนาคตเชื่อว่า เมื่อมีการสร้างท่าเรืออัจฉริยะ และเรือไฟฟ้า เพื่อรองรับบริการตามจุดต่าง ๆ ได้แล้ว จะยิ่งเอื้อต่อการดึงดูดผู้คนมาจับจ่ายใช้สอยในไอคอนสยามและไอซีเอสได้มากขึ้น

ไม่เท่านั้น การเกิดขึ้นของ รถไฟฟ้า “สายสีทอง” ซึ่งเป็นการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานร่วมกันระหว่างรัฐและเอกชนเพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน ยังมีส่วนสำคัญช่วยเปิดการพัฒนาให้พื้นที่ฝั่งธนบุรี ทั้งการท่องเที่ยวและการพัฒนาใหม่ ๆ ย่านเจริญนคร-คลองสาน ได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ ประเมินว่าเส้นทางรถไฟฟ้าสายนี้จะลดจำนวนรถบนถนนคลองสานลงในแต่ละชั่วโมง 6,000 คัน และเพิ่มทางเลือกเดินทางที่สะดวกสบาย สร้างแหล่งงาน แหล่งท่องเที่ยว และเสริมสร้างเศรษฐกิจในพื้นที่ฝั่งธนบุรี

ผลักดันทำเลทองที่แข็งแกร่ง

แม้ว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ห้างค้าปลีกต้องพบกับอุปสรรคจากโรค
โควิด-19 ที่แพร่ระบาด ทำให้ต้องสูญเสียจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เป็นกำลังซื้อหลัก รวมถึงนักท่องเที่ยวคนไทยด้วยกันเองที่เผชิญกับเศรษฐกิจภาพรวมที่กำลังถดถอย ทำให้กำลังซื้ออ่อนแรงลงในช่วงที่ผ่านมา

แต่ปรากฏว่า ด้วยกลยุทธ์ที่หลากหลาย โดยเฉพาะการดึงกลุ่มลูกค้าคนไทยให้เข้ามาช็อปและจับจ่ายทดแทนกัน กลายเป็นความสำเร็จ เมื่อสัดส่วนลูกค้าท้องถิ่นเพิ่มขึ้นถึง 52% เมื่อเทียบกับปี 2561

โดยครึ่งปีแรกของปี 2565 “ไอคอนสยาม” ทำยอดขายได้มากกว่าในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2564 ถึง 90% สะท้อนถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง ภายใต้การร่วมมือกับพันธมิตรในการฝ่าวิกฤต ส่งผลให้ผลประกอบการเติบโตกว่าที่คาดคิด

การเติมเต็มโครงการใหม่อย่าง ICS ในช่วงจังหวะนี้ จึงยิ่งทำให้ฝั่งธนบุรีที่มีพื้นที่รวมมากกว่า 450 ตารางกิโลเมตร เป็น “ทำเลทอง” เร็วขึ้นและมากขึ้น โดยมีย่านเจริญนคร เป็นตัวจุดพลุ สร้างศักยภาพและบรรยากาศการลงทุนได้สมบูรณ์เต็มรูปแบบ

ทั้งโครงการที่พักอาศัยในรูปแบบคอนโดมิเนียมหรู ซึ่งปัจจุบันมีนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้จับจองทำเลขึ้นโครงการมากขึ้นเป็นลำดับ เป็นศูนย์รวมความเจริญ เป็นแหล่งที่นักท่องเที่ยวปักหมุดว่า “ต้องมา” ถือเป็นทำเลใหม่ที่กระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโต เช่นเดียวกับทำเลสีลม ทองหล่อ ฯลฯ

อนาคตอันใกล้ 2-3 ปีนับจากนี้ ฝั่งธนบุรี ย่านเจริญนครจะยิ่งขยายตัวรวดเร็วกว่าเดิม เมื่อ “ศูนย์ราชการ” กระทรวงมหาดไทย มีแผนจะย้ายมาปักหลักในย่านคลองสาน ริมเจ้าพระยา คาดว่าจะยิ่งทำให้การค้าบริเวณดังกล่าวคึกคักมากขึ้น และจะกระตุ้นให้มีผู้ใช้บริการหมุนเวียนเพิ่มอีกวันละ 10,000 กว่าคน

ไม่รวมอาคารชุดอีก 50 โครงการที่อยู่รายรอบ ทั้งก่อสร้างเสร็จแล้ว และกำลังก่อสร้างอยู่ รวมทั้งหมดประมาณ 25,000 ยูนิต โดยมีโรงพยาบาลตากสินที่ปรับปรุงใหม่ โดยกรุงเทพมหานคร ให้บริการรองรับทั้งข้าราชการและผู้ป่วยถึงวันละ 7,000 ราย

ทำให้ “ไอซีเอส” เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่กำลังจะเปิดให้บริการมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ทั้งศักยภาพของกลุ่มทุนและทำเลที่จะปลุกการลงทุนใหม่ ๆ คาดว่าจะมีผู้เข้ามาใช้บริการหมุนเวียนวันละกว่า 40,000 คน ขณะที่การก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จถึง 90% และพร้อมจะเปิดให้บริการได้ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้