ล็อกซเล่ย์พร้อมลุยทั้ง “PPP บ้านประชารัฐ-งานทางหลวงพิเศษ-สนามบิน” ชูสมาร์ทบัสเจาะสมาร์ทซิตี้ เร่งจัดทัพใหม่รุก “เซอร์วิส-ฟู้ดส์” รับอานิสงส์ EEC-ร้านอาหารญี่ปุ่นบูม ปักธง 5 ปี รายได้ธุรกิจใหม่แซงหน้างานโครงการรัฐ
นายสุรช ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ล็อกซเล่ย์ เปิดเผยว่า บริษัทยังให้ความสำคัญกับการเข้าร่วมโครงการภาครัฐ ซึ่งปัจจุบันเป็นรายได้ราว 70% แต่จะเน้นเฉพาะโครงการที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมระดับสูง ไม่เข้าโครงการที่ต้องตัดราคาแข่งขัน โดยปีนี้มีหลายโครงการที่สนใจและกำลังศึกษารูปแบบการเข้าร่วมโครงการ ได้แก่ โครงการคนไทยบ้านประชารัฐในที่ราชพัสดุ ซึ่งใช้รูปแบบรัฐร่วมลงทุนกับเอกชน (PPP) โครงการทางพิเศษของกรมทางหลวงและการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะในสนามบิน ซึ่งเดิมล็อกซเล่ย์เข้าไปได้ 8 สนามบิน
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
- “ทางรัฐ” ซูเปอร์แอปแห่งชาติ รองรับแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
“เดิมล็อกซเล่ย์รับงานสร้างบ้านเอื้ออาทรของการเคหะฯ ต่อเนื่องอยู่แล้ว จึงสนใจขยับรูปแบบมาลงทุน PPP ในส่วนโครงการทางหลวงพิเศษ เดิมเป็นซับคอนแทร็กต์ของ ช.การช่าง ก็ขยับหาโมเดลรับงานตรงเพิ่มขึ้น”
ปัจจุบันบริษัทมีโครงการรอรับรู้รายได้ 10,660 ล้านบาท จะรับรู้รายได้ปีนี้ 7,000 ล้านบาท และยังมีลุ้นโครงการที่มีศักยภาพสูง (high potential) 12,000 ล้านบาท และ potential อีก 8,600 ล้านบาท แต่เพื่อสร้างความมั่นคงทางรายได้ บริษัทได้ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ และวางเป้าลดรายได้โครงการรัฐเหลือ 40% ใน 3-5 ปี เร่งเพิ่มรายได้ธุรกิจเซอร์วิส อาทิ ระบบรักษาความปลอดภัย การจัดการในอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งปัจจุบันมีรายได้ 12% ของรายได้รวม คือราว 1,600 ล้านบาท แต่ที่ผ่านมาเติบโตสูง 25-30% กับธุรกิจอาหารและการจัดจำหน่าย เดิมมีรายได้ 23% หรือ 3,200 ล้านบาท เติบโตปีละ 15-20%
“โครงการภาครัฐมีความไม่แน่นอนสูง ขณะที่ธุรกิจเซอร์วิสกำลังเติบโตเพราะบริษัทส่วนใหญ่ตัดงานส่วนนี้เป็นเอาต์ซอร์ซ ยิ่งมี EEC ความต้องการยิ่งเพิ่ม ส่วนธุรกิจอาหารมองว่า อย่างไรคนก็ต้องกินต้องใช้ จะรุกอาหารสดมากขึ้น เพราะได้สิทธิ์นำเข้าวัสดุดิบพรีเมี่ยมมาหลายตัวที่เป็นผู้นำเข้าเพียงรายเดียว กำหนดราคาทิศทางตลาดได้ ซึ่งมีกลุ่มร้านอาหารญี่ปุ่นเพิ่มในไทยเยอะมาก รวมถึงโรงแรมต่าง ๆ”
ขณะเดียวกันเตรียมรุกตลาดสมาร์ทบัส หลังจากได้เข้าร่วมทุนกับ EYD บริษัทผลิตรถไฟฟ้ารายใหญ่ของจีน ซึ่งได้ทำสัญญาซื้อขายกับบริษัทลูกของ “ภูเก็ตพัฒนาเมือง” แล้ว กำลังจะเข้าไปเจรจากับจังหวัดอื่น ๆ ในโครงการสมาร์ทซิตี้ด้วย
สำหรับปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่แบ่งเป็น 5 กลุ่ม 1.Network Solutions กลุ่มงานโครงการขนาดใหญ่ ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ 26% หรือ 4,000 ล้านบาท 2.Information Technology รายได้ 21% หรือ 3,000-3,200 ล้านบาท 3.Energy รายได้ 11% หรือ 1,200-1,500 ล้านบาท ทั้ง 3 กลุ่มโตเฉลี่ยปีละ 12-15% ขณะที่ Food Service & Distribution กับ Services เป็นกลุ่มที่มีรายได้เติบโตสูง
“การแบ่งเป็น 5 กลุ่มธุรกิจจะทำให้โฟกัสทิศทางได้ชัดเจนขึ้น ต่อไปการเปิดบริษัทย่อยหรือร่วมทุนกับพาร์ตเนอร์ ถ้าไม่สอดคล้องกับ 5 กลุ่มนี้จะไม่เปิดใหม่ และ 28 บริษัทย่อยเดิมที่ไม่โฟกัสตรงกลุ่มก็จะทยอยปิด”