“เจ.ดี.พูลส์” เกาะเทรนด์รักสุขภาพ ส่งสระคาร์ดิโอ 6 ไซซ์ดูดลูกค้า

เทรนด์การรักสุขภาพกำลังมาแรงและมีแนวโน้มจะเพิ่มทวีคูณขึ้นทุกวัน ทำให้ผู้ประกอบการหันมาผลิตสินค้าเน้นการบำบัดมากขึ้น ล่าสุด “เจ.ดี.พูลส์” ผู้นำด้านอุตสาหกรรมสระว่ายน้ำ ได้คิดค้นนวัตกรรมสระว่ายน้ำรุ่นใหม่รองรับกับตลาด ภายใต้ชื่อ “คาร์ดิโอ พูล” เป็นทั้งสระว่ายน้ำเพื่อการออกกำลังและบำบัดภายในตัว

 

นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท เจ.ดี.พูลส์ เปิดเผยว่า สระว่ายน้ำรุ่น “คาร์ดิโอ พูล”เกิดจากพฤติกรรมของลูกค้าที่มีสระว่ายน้ำ แต่ไม่ค่อยได้ใช้งาน บางกลุ่มซื้อสระว่ายน้ำเพื่อบ่งบอกรสนิยม ฐานะทางสังคม รวมถึงบางส่วนซื้อให้ลูกหลาน จึงเกิดแนวคิดการพัฒนาสระว่ายน้ำเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการผนวกนวัตกรรมการออกกำลังกายและการดูแลสุขภาพ ทั้งยังเน้นซอฟต์แวร์ในรูปแบบการให้คำแนะนำการใช้สระว่ายน้ำเพื่อออกกำลังกาย

โดยมี ผศ.ดร.ประภาส โพธิ์ทองสุนันท์ นักธาราบำบัดผู้เชี่ยวชาญ เป็นที่ปรึกษาการพัฒนาและจัดทำคู่มือเกี่ยวกับการออกกำลังกายในน้ำ เพื่อให้สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์ ยังเป็นการเปิดตลาดใหม่สำหรับคนรักสุขภาพ และดูแลสุขภาพของคนในครอบครัว เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ผู้ที่ต้องการทำกายภาพบำบัด หรือผู้สูงอายุที่ต้องการออกกำลังกายเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ

สำหรับสระว่ายน้ำ “คาร์ดิโอ พูล” เป็นสระไฟเบอร์กลาสคุณภาพสูง โครงสร้างแข็งแรง มีทั้งหมด 6 ขนาด ตามขนาดพื้นที่ที่ต้องการ ทุกขนาดมีความกว้าง 2.20 เมตร ขนาดความยาวเริ่มต้น 3 เมตร ไปจนถึง 11 เมตร และใช้เวลาก่อสร้างภายใน 7 วัน โดยตั้งเป้าในปีแรกจะมียอดขาย 200 ล้านบาท

บริษัทได้ศึกษาพฤติกรรมและปัจจัยต่อการตัดสินใจซื้อสระว่ายน้ำของผู้บริโภคพบว่า ปัจจุบันพฤติกรรมการเลือกซื้อสระว่ายน้ำจะสอดคล้องกับปัจจัยต่าง ๆ

4 ขั้นตอน คือ 1.ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต 2.เทรนด์การดูแลสุขภาพ 3.ขนาดที่ดินของบ้าน และ 4.ราคาสระว่ายน้ำ ทุกส่วนมีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อสระว่ายน้ำขนาดต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับพื้นที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค และกำลังซื้อของแต่ละคน

“เราศึกษาและพัฒนาสระว่ายน้ำสำเร็จในรูปไฟเบอร์กลาส โดยนำนวัตกรรมการออกกำลังกายมาผสมผสานการพัฒนาสระว่ายน้ำรุ่นใหม่ ให้ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคที่รักสุขภาพ และชื่นชอบการออกกำลังกายในน้ำเพื่อสร้างตลาดใหม่เพราะการแข่งขันสูง นอกจากนี้ เรายังมีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 3 ตัว คือ สระว่ายน้ำคริสตัลพูล จะมุ่งทำตลาดกลุ่มโรงแรมระดับ 4-5 ดาว และอีก 2 รุ่นที่เหลือจะเน้นเพื่อวัตถุประสงค์การเคลื่อนย้ายง่าย”

ปัจจุบันตลาดรวมสระว่ายน้ำมีมูลค่าประมาณ 4,500 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มระดับราคา แบ่งเป็น กลุ่มเอ ราคาตั้งแต่ 8 แสนบาทขึ้นไป มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 30% กลุ่มบี ราคา 5-7 แสนบาท มีส่วนแบ่งตลาด 40% ส่วนที่เหลืออีก 30% เป็นกลุ่มซี มีราคาอยู่ที่ 2-4 แสนบาท โดยกลุ่มบีและซีเป็นเซ็กเมนต์ที่เริ่มมีการแข่งขันสูง และมีแนวโน้มอัตราการขยายตัวที่มากขึ้น