พฤกษาฯ ขับเคลื่อนความยั่งยืนและสร้างการเติบโตในระยะยาว ประกาศรับซื้อที่ดินเสื่อมโทรม 5,000-10,000 ไร่ ปั้นโครงการปลูกป่าเพื่อสะสมคาร์บอนเครดิตเป็นรายแรกของวงการอสังหาริมทรัพย์ ระบุเงื่อนไขต้องเป็นที่ดินมีเอกสารสิทธิโฉนด-น.ส. 3 ก. ไม่อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนและ ส.ป.ก. กระจายทำเล 21 จังหวัด 179 อำเภอ รองรับแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 30% ภายในปี 2573
นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า แผนดำเนินธุรกิจปี 2567 นอกจากพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย การลงทุนเกี่ยวเนื่องกับอีโค่ซิสเต็มเพื่อยกระดับการอยู่อาศัยในบ้านและคอนโดมิเนียมของพฤกษาฯ ภายใต้แนวคิด “อยู่ดี มีสุข” จุดเน้นของบริษัทในการดำเนินงานก้าวต่อไป พฤกษาฯมุ่งมั่นสู่การสร้างความยั่งยืน โดยให้ความสำคัญต่อการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
ลดปล่อยคาร์บอนหมื่นตัน
ล่าสุด ผลงานในปี 2566 กลุ่มพฤกษา โฮลดิ้งสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ 10,000 ตัน จากการติดตั้งโซลาร์หรือพลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์, การออกแบบบ้านประหยัดพลังงาน (Passive Home), การใช้เทคโนโลยี Smart Home, โครงการร่วมปลูกป่าเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศ, การใช้คอนกรีตสำเร็จรูปชนิดมีรูกลวง (Hollow Core) ลดการใช้ซีเมนต์, การใช้เทคโนโลยีสีเขียว หรือคาร์บอนเคียว (CarbonCure) โดยนโยบายเสาหลักในด้านความยั่งยืน บริษัทตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 30% ภายในปี 2573 และเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ในปี 2593
“ตัวอย่างที่ชัดเจนในเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่พฤกษาฯให้ความสำคัญมาโดยตลอด มีตัวชี้วัดจากโรงงานพฤกษาพรีคาสต์ ที่ได้เริ่มนำเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่าคาร์บอนเคียว ด้วยการนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มาผสมในคอนกรีต สามารถลดคาร์บอนฟุตพรินต์ในการผลิต โดยที่ยังคงประสิทธิภาพและคุณภาพของคอนกรีต ซึ่งพฤกษาฯเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายแรกในไทยที่ได้นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยนี้เข้ามาใช้งาน สามารถช่วยลดต้นทุนการผลิต และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศลงได้ถึง 1,000 ตันต่อปี”
สำหรับแผนลงทุนเพื่อเดินหน้าสู่ความยั่งยืนในระยะยาว หนึ่งในจิ๊กซอว์ที่บริษัทวางแผนไว้นำเสนอภายใต้โครงการร่วมปลูกป่าเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศโดยบริษัทอยู่ระหว่างประกาศรับซื้อที่ดินที่มีลักษณะเป็นที่ดินเสื่อมโทรม โฟกัสในพื้นที่ 21 จังหวัด จำนวน 179 อำเภอ กระจายอยู่ในโซนภาคอีสาน ภาคตะวันออก และภาคกลาง เพื่อนำมาปลูกป่าเป็นหลัก โดยประกาศรับซื้อ 300-2,000 ไร่
ซื้อที่ดินเสื่อมโทรม-ปลูกป่า
นายอุเทนกล่าวว่า ปัจจุบัน พฤกษาฯมีโครงการร่วมกับกรมป่าไม้ ทำโครงการปลูกป่าบนพื้นที่ 370 ไร่ ที่ห้วยด่านขุนทด แต่มีข้อจำกัดที่มีอายุการเช่าเพียง 10 ปี ซึ่งโครงการอยู่ในระยะเริ่มต้น จะหมดอายุในปี 2576 ดังนั้นมองในเทอมของความยั่งยืน บริษัทจึงต้องการมีที่ดินกรรมสิทธิ์เพื่อปลูกป่า สำหรับสะสมเครดิตคาร์บอนสำหรับใช้ในกิจการของพฤกษาฯโดยตรง
“โปรเจ็กต์ที่เราทำเริ่มต้นกับกรมป่าไม้ ทำเพื่อให้ได้คาร์บอนเครดิต แต่ระยะเวลาใช้สิทธิคาร์บอนเครดิตแค่ 10 ปี และได้สิทธิสัดส่วน 90% ของคาร์บอนเครดิตที่คำนวณได้ หลังจากนั้นสิทธิการใช้เครดิตคาร์บอนจะเหลือศูนย์ จึงมองว่าถ้าเป็นที่เช่าปลูกป่าก็ไม่ยั่งยืน สำหรับกลุ่มพฤกษาฯการซื้อที่ดินเสื่อมโทรมปลูกป่าจึงเป็นนโยบายที่เราต้องการทำจริงจัง”
“งบฯจัดซื้อที่ดินไม่เยอะ เพราะเน้นที่ดินเสื่อมโทรมอยู่แล้ว ให้นึกภาพเป็นพื้นที่แห้งแล้ง ยีลด์เชิงเกษตรกับผลผลิตต่ำ ซึ่งกรมมีงบประมาณสนับสนุนส่วนหนึ่งสำหรับทุกคนที่ต้องการปลูกป่าอยู่แล้ว ในอนาคตเมื่อทำสำเร็จ ที่ดินปลูกป่าของพฤกษาฯเท่ากับเป็นการบูรณะที่ดิน ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม เพราะชุมชนจะได้ผืนป่ากลับคืนมา”
ปลูกสารพัดพืชดูดซับคาร์บอน
นายอุเทนกล่าวต่อว่า สำหรับโมเดลธุรกิจในการปลูกป่าเพื่อสะสมคาร์บอนเครดิต ปัจจุบันคำนวณความต้องการใช้คาร์บอนเครดิตในกิจกรรมทางเศรษฐกิจของพฤกษาฯ มีจำนวน 20,000 ตันคาร์บอนต่อปี ในระยะยาวคาดว่าบริษัทมีแผนสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประเมินว่าตัวเลขน่าจะขยับไปถึง 40,000 ตันคาร์บอนต่อปี
“ในส่วนของการปลูกป่า เราจะปลูกพืชทุกอย่างที่ดูดซับคาร์บอน ซึ่งมีพันธุ์พืชให้เลือกได้หลากหลายมาก เป็นผลจากการเรียนรู้จากกรมป่าไม้ด้วย อาทิ ต้นมะค่าโมง, ต้นขี้เหล็ก, ต้นพะยูง, ต้นประดู่, ต้นประดู่แดง, ต้นกระพี้จั่น, ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์, ต้นอินทนิล, ต้นชงโค, ต้นเสลา, ต้นหางนกยูง, ต้นไผ่, ต้นสะเดา และต้นหว้า”
ทั้งนี้ วิธีการคำนวณ เฉลี่ยพื้นที่ 1 ไร่ ถ้าปลูกพืช 200 ต้น คำนวณออกมาจะเป็นคาร์บอนเครดิตไร่ละ 2.5 ตัน โดยคาร์บอนเครดิตที่จะนำมาใช้ได้จะเริ่มนับหลังจากปลูกป่าปีที่ 4 เป็นต้นไป เบื้องต้นหากดีดตัวเลขปลูกป่าปีละ 100,000 ต้น จะคำนวณเป็นคาร์บอนเครดิตได้ 1,000 ตัน จึงจะเห็นว่าเป็นงานยากและเป็นงานใหญ่ จำเป็นต้องเริ่มทำตั้งแต่วันนี้
โฟกัสภาคอีสาน-ตอ.-กลาง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า รายละเอียดการรับซื้อที่ดินเสื่อมโทรม 21 จังหวัด 179 อำเภอ เรียงตามความเร่งด่วน ดังนี้ 1.จังหวัดลพบุรี รับซื้อใน 8 อำเภอ ได้แก่ อ.ลำสนธิ (ช่วงรอยต่อกับจังหวัดนครราชสีมา) อ.ชัยบาดาล อ.ท่าหลวง อ.พัฒนานิคม อ.โคกสำโรง อ.สระโบสถ์ อ.โคกเจริญ อ.หนองม่วง 2.นครราชสีมา รับซื้อใน 11 อำเภอ ได้แก่ อ.สีคิ้ว อ.ปักธงชัย อ.ครบุรี อ.เสิงสาง อ.หนองบุญมาก อ.เทพารักษ์ อ.บัวใหญ่ อ.บ้านเหลื่อม อ.สูงเนิน อ.โนนสูง อ.ด่านขุนทด
3.ชัยภูมิ รับซื้อใน 6 อำเภอ ได้แก่ อ.บำเหน็จณรงค์ อ.ซับใหญ่ อ.หนองบัวระเหว อ.บ้านเขว้า อ.เทพสถิต อ.เมืองชัยภูมิ 4.ฉะเชิงเทรา รับซื้อใน 4 อำเภอ ได้แก่ อ.พนมสารคาม (บางส่วนที่ติดกับ อ.สนามชัยเขต และ อ.แปลงยาว) อ.สนามชัยเขต อ.แปลงยาว อ.ท่าตะเกียบ 5.ปราจีนบุรี รับซื้อใน 3 อำเภอ ได้แก่ อ.ประจันตคาม อ.นาดี อ.กบินทร์บุรี
6.สระแก้ว รับซื้อใน 9 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองสระแก้ว อ.วัฒนานคร อ.วังสมบูรณ์ อ.วังน้ำเย็น อ.เขาฉกรรจ์ อ.คลองหาด อ.อรัญประเทศ อ.โคกสูง อ.ตาพระยา 7.จันทบุรี รับซื้อใน 5 อำเภอ ได้แก่ อ.นายายอาม อ.ท่าใหม่ อ.มะขาม อ.ขลุง อ.สอยดาว 8.บุรีรัมย์ รับซื้อใน 9 อำเภอ ได้แก่ อ.นางรอง อ.หนองกี่ อ.ปะคำ อ.โนนสุวรรณ อ.โนนดินแดง อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.ละหานทราย อ.บ้านกรวด อ.พลับพลาชัย 9.สุรินทร์ รับซื้อใน 5 อำเภอ ได้แก่ อ.ปราสาท อ.ลำดวน อ.สังขะ อ.ศรีณรงค์ อ.รัตนบุรี
10.ศรีสะเกษ รับซื้อในทุกอำเภอ จาก 22 อำเภอ 11.อุบลราชธานี รับซื้อในทุกอำเภอ จาก 25 อำเภอ 12.สุโขทัยรับซื้อใน 5 อำเภอ ได้แก่ อ.คีรีมาศ อ.บ้านด่านลานหอย อ.ทุ่งเสลี่ยม อ.ศรีสำโรง อ.กงไกรลาศ 13.กำแพงเพชร รับซื้อใน 4 อำเภอ ได้แก่ อ.พรานกระต่าย อ.โกสัมพีนคร อ.คลองขลุง อ.ขาณุวรลักษบุรี 14.พิจิตร รับซื้อใน 8 อำเภอ ได้แก่ อ.สากเหล็ก อ.วังทรายพูน อ.ตะพานหิน อ.ทับคล้อ อ.ดงเจริญ อ.บางมูลนาก อ.โพทะเล อ.โพธิ์ประทับช้าง
15.เพชรบูรณ์ รับซื้อใน 6 อำเภอ ได้แก่ อ.วิเชียรบุรี อ.บึงสามพัน อ.หนองไผ่ อ.ชนแดน อ.หล่มสัก อ.หล่มเก่า 16.ร้อยเอ็ด รับซื้อใน 10 อำเภอ ได้แก่ อ.สุวรรณภูมิ อ.อาจสามารถ อ.ธวัชบุรี อ.โพนทอง อ.เมยวดี อ.เสลภูมิ อ.พนมไพร อ.หนองฮี อ.จตุรพักตรพิมาน อ.ศรีสมเด็จ 17.ขอนแก่น รับซื้อใน 9 อำเภอ ได้แก่ อ.โคกโพธิ์ชัย อ.มัญจาคีรี อ.บ้านฝาง อ.หนองเรือ อ.หนองนาคำ อ.เขาสวนกวาง อ.กระนวน อ.ซำสูง อ.ชุมแพ 18.มหาสารคาม รับซื้อใน 6 อำเภอ ได้แก่ อ.เชียงยืน อ.แกดำ อ.นาดูน อ.วาปีปทุม อ.นาเชือก อ.โกสุมพิสัย
19.กาฬสินธุ์ รับซื้อใน 11 อำเภอ ได้แก่ อ.สหัสขันธ์ อ.นามน อ.กุฉินารายณ์ อ.นาคู อ.เขาวง อ.ดอนจาน อ.กมลาไสย อ.ร่องคำ อ.ยางตลาด อ.ห้วยเม็ก อ.หนองกุงศรี 20.ยโสธร รับซื้อใน 7 อำเภอ ได้แก่ อ.เลิงนกทา อ.ไทยเจริญ อ.กุดชุม อ.ทรายมูล อ.ป่าติ้ว อ.คำเขื่อนแก้ว อ.มหาชนะชัย 21.อำนาจเจริญ รับซื้อใน 6 อำเภอ ได้แก่ อ.ชานุมาน อ.เสนางคนิคม อ.ปทุมราชวงศา อ.พนา อ.ลืออำนาจ อ.หัวตะพาน