สุภามาส ตรีวิศวเวทย์ แม่ทัพใหญ่ ช.การช่าง สู้ศึกประมูล EEC-เมกะโปรเจ็กต์

สัมภาษณ์

จากปีที่แล้วฉลองครบรอบ 45 ปี ด้วยรายได้ 35,922.81 ล้านบาท ปีนี้ “ช.การช่าง” บิ๊กโฟร์ของวงการรับเหมาก่อสร้าง ตั้งเป้าจะมีรายได้ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว จากการรับรู้รายได้งานในมือ 72,000 ล้านบาท

“สุภามาส ตรีวิศวเวทย์” ลูกสาวคนโตของ “ปลิว ตรีวิศวเวทย์” ที่วันนี้ได้รับความไว้วางใจให้รั้งเก้าอี้กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.การช่าง กล่าวว่า ปี 2561 ช.การช่างคาดว่าจะมีโครงการของภาครัฐทั้งโครงการต่อเนื่อง และโครงการใหม่ทยอยเปิดประมูลรวมมูลค่า 300,000-400,000 ล้านบาท โดยบริษัทจะผนึกกำลังกับบริษัทในเครือเข้าร่วมประมูลในแต่ละโครงการ ตั้งเป้าจะได้ส่วนแบ่ง 20-25% จากโครงการที่เปิดประมูล

ที่ผ่านมาบริษัทได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง พัฒนาองค์กรให้ก้าวไปข้างหน้ามั่นคงในอนาคต มุ่งเน้นการผนึกกำลังของบริษัทต่าง ๆ ในเครือ เพื่อการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง และรักษาความเป็นผู้นำในการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคครบวงจร ทั้งระบบราง ถนน พลังงาน และประปา ประกอบด้วย บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ดำเนินธุรกิจก่อสร้างทางด่วนและรถไฟฟ้า บมจ.ซีเค พาวเวอร์ ดำเนินธุรกิจด้านพลังงานทั้งในและต่างประเทศ และ บมจ.ทีทีดับบลิว ดำเนินธุรกิจด้านระบบน้ำประปา เพื่อเสริมสร้างความพร้อมในการเข้าร่วมประมูลงานโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐ

“เราพร้อมเข้าร่วมประมูลแต่ละโครงการ เพราะสถานะการเงินของบริษัทแข็งแกร่งและเป็นงานถนัด ในโอกาสการก้าวสู่ปีที่ 46 ของเรา จะให้ความสำคัญกับการผสานความแข็งแกร่งให้องค์กรในหลากหลายด้าน ภายใต้แนวคิดหลัก The pow-er of synergy ทั้งผสานจุดแกร่งบุคลากรต่างรุ่น ส่งเสริมวัฒนธรรมการทำงานแบบทีมเวิร์กแบบมืออาชีพ และอยู่ร่วมกันแบบครอบครัว เน้นพลังร่วม หรือ synergy ใน CK Group เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของบริษัท และบริษัทในเครือ”

ซีอีโอ ช.การช่างขยายความว่า โครงการใหญ่ที่จะเข้าประมูล มีโครงการโครงสร้างพื้นฐานรองรับการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เช่น รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง-อู่ตะเภา) ระยะทาง 220 กม. วงเงินกว่า 2 แสนล้านบาท ขณะนี้รอซื้อ TOR ศึกษาความเป็นไปได้ต่อไป โดยจะร่วมกับ BEM และเตรียมหาพันธมิตรรายอื่นเพิ่มเติม

นอกจากนี้มีรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ (เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) มูลค่า 1.3 แสนล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย (บางแค-พุทธมณฑลสาย 4) มูลค่า 21,197 ล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-ตลิ่งชัน) มูลค่า 8.5 หมื่นล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีเขียว (สมุทรปราการ-บางปู และคูคต-ลำลูกกา) ทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือตอน N2 ช่วงถนนเกษตร-นวมินทร์ ทางด่วนสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนตะวันตก วงเงิน 31,000 ล้านบาท ระบบเก็บค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์บางปะอิน-นครราชสีมาและบางใหญ่-กาญจนบุรี และรถไฟทางคู่เฟส 2 จำนวน 9 เส้นทาง มูลค่ากว่า 4 แสนล้านบาท

ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (backlog) ประมาณ 72,000 ล้านบาท จะทยอยรับรู้รายได้อีก 2-3 ปี เฉลี่ยปีละ 35,000 ล้านบาท โดยปี 2560 มีรายได้จากการรับเหมาก่อสร้างและการขายวัสดุก่อสร้างรวม 35,922.81 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,810.01 ล้านบาท มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 7.89% อีกทั้งบริษัทมีรายได้อื่น ๆ จำนวน 1,807.87 บาท รวมรายได้ 37,730.68 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามแผนที่ตั้งไว้และปี 2561 คาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ 30,000-35,000 ล้านบาท

ในปี 2560 บริษัทมีเซ็นสัญญา 6 โครงการสำคัญ รวมมูลค่า 48,506 ล้านบาท ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) ร่วมกับ บมจ.ซิโน-ไทยฯ วงเงิน 43,898 ล้านบาท มอเตอร์เวย์บางปะอิน-นครราชสีมา ระยะทาง 8.4 กม. วงเงิน 1,852 ล้านบาท งานจัดหา ติดตั้ง และทดสอบอุปกรณ์ระบบรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย 19,643 ล้านบาท ก่อสร้างทางเชื่อมต่อทางด่วนสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกตะวันตก 275 ล้านบาท งานดูแลรักษาโครงสร้างงานโยธาสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย สัญญาที่ 2 วงเงิน 94 ล้านบาท และจ้างเหมาปรับปรุงสถานีเพิ่มแรงดันเป็นสถานีจ่ายน้ำกับ บมจ. TTW วงเงิน 303 ล้านบาท

“สัดส่วนงานในมือเป็นโครงการด้านระบบขนส่งมวลชนมากที่สุด 63% มีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สีเขียว สีม่วง และสีส้ม รองลงมาเป็นด้านพลังงาน 20% มีโรงไฟฟ้าไซยะบุรีและสถานีไฟฟ้าย่อยบ้านนาบง อีก 11% เป็นรถไฟทางคู่ช่วงจิระ-ขอนแก่น และถนน-ทางด่วน 4% และอื่น ๆ 2% จะเห็นว่าเราเน้นงานระบบรางและพลังงานเป็นหลัก เพราะเป็นงานที่ถนัดและมีศักยภาพในการใช้เทคโนโลยีทางวิศวกรรมและการก่อสร้างในระดับสูง มั่นใจว่าสามารถประเมินกำไรขั้นต้นได้ดี เพราะมีคู่แข่งน้อย”

ส่วนความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างที่ดำเนินการในปัจจุบัน มีงานติดตั้งระบบสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย 20,200 ล้านบาท คืบหน้า 27% สายสีส้มสัญญาที่ 1 งานก่อสร้างใต้ดิน ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-รามคำแหง 12 เงินลงทุน 11,570 ล้านบาท คืบหน้า 4.20% สัญญา 2 (ช่วงรามคำแหง 12-หัวหมาก) คืบหน้า 2.30% สัญญา 5 ศูนย์ซ่อมบำรุงและอาคารจอดรถ คืบหน้า 3.60%

ขณะที่รถไฟทางคู่ จิระ-ขอนแก่น คืบหน้ากว่า 49.00% มอเตอร์เวย์สายพัทยา-มาบตาพุด สัญญา 5 คืบหน้า 74.60% มอเตอร์เวย์บางปะอิน-นครราชสีมา สัญญา 3 คืบหน้า 11.00% และ สัญญา 6 คืบหน้า 36.80% ส่วนโครงการในต่างประเทศ มีเขื่อนไซยะบุรี สปป.ลาว ปัจจุบันคืบหน้าไปกว่า 85.30%

โดยมั่นใจว่าทุกโครงการจะแล้วเสร็จตามแผนงาน