“คมนาคม” รื้อ106โปรเจ็กต์ EEC เฟส 2 เร่งไฮสปีด “ระยอง-ตราด” รถเทรมพัทยา

“คมนาคม” รื้อ “แผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน EEC เฟส 2” 106 โครงการ 2.5 แสนล้าน สกรีนเข้ม “ต้องเกี่ยวกับ EEC” เท่านั้น เดตไลน์ 1 เดือนต้องเสร็จก่อนชงบอร์ด EEC อนุมัติ

นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2563 ที่ประชุมคณะทำงานจัดการทำแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งภายในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ระยะที่ 2 (2565-2570) ได้รายงานความคืบหน้าของการจัดสรรโครงการ มีการเสนอเข้ามาทั้งสิ้น 106 โครงการ วงเงินรวม 252,703 ล้านบาท โครงการเด่นๆ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ช่วงระยอง – ตราด และโครงการรถไฟรางเบา (แทรม) พัทยา จ.ชลบุรี เป็นต้น แต่ได้ให้คณะที่ปรึกษากลับไปทบทวนใหม่

“ให้หลักคิดไปว่า ควรนำโครงการระยะที่ 1 อาจจะทำไม่ทันแต่มีความสำคัญขึ้นมาพิจารณาและนำกลับมาใส่ในระยะที่ 2 ก่อน ทั้งนี้ โครงการที่จะนำเสนอในระยะที่ 2 จะมีกรอบเพิ่มเข้ามาว่า จะต้องตอบโจทย์ต่อการพัฒนาใน EEC จริงๆ“

เนื่องจากโครงการในระยะที่ 1 มีโครงการที่ถูกบรรจุเข้ามาถึง 168 โครงการ วงเงินรวม 998,908 ล้านบาท มีทั้งโครงสร้างพื้นฐานของคมนาคมและหน่วยอื่นๆ เช่น การประปาและไฟฟ้าด้วย แต่ในระยะที่ 2 จะเน้นหนักไปที่โครงการที่มีผลต่อการพัฒนาพื้นที่ใน EEC โดยตรง เช่น โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ของกองทัพเรือ (ทร.) ขณะนี้อยู่ระหว่างรอลงนามในสัญญา ดังนั้น โครงการที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ในระยะที่ 2 จะต้องเป็นโครงการที่สนับสนุนให้เกิดเมืองการบินขึ้นมาจริงๆ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังให้ตัดโครงการที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป เช่น กรมเจ้าท่า (จท.) เสนอบรรจุโครงการขุดลอกคูคลองในแม่น้ำบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อให้เรือขนส่งขนาดใหญ่ขนส่งสินค้าและเดินทางออกไปเกาะสีชังได้ และกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เสนอโครงการซ่อมถนน ขยายผิวทางเข้ามา ก็ให้ตัดออกทั้งหมด เนื่องจากไม่ใช่โครงการที่เกี่ยวเนื่องกับการพัฒนาพื้นที่ EEC โดยตรง

โดยให้ไปนำทั้ง 2 โครงการจัดสรรในระบบงบประมาณปกติของแต่ละหน่วยแทน  และในแต่ละโครงการที่นำเสนอจะต้องหาวิธีคิดระบบการบริหารจัดการโครงการภายหลังที่งานโยธาก่อสร้างแล้วเสร็จ เช่น มีการเสนอโครงการพัฒนารถไฟทางคู่เข้าไปในท่าเรือแหลมฉบัง จะต้องคิดแล้วว่า จะมีการพัฒนาระบบ E-Logistic อะไรบ้าง ก็ได้ให้การบ้านกับคณะที่ปรึกษากลับไปหารือกับ EEC ต่อไป

“ส่วนตัวคาดว่า ตัวเลขโครงการและวงเงินในระยะที่ 2 มีโอกาสถูกปรับลดลง เนื่องจากเท่าที่ดูวันนี้ มีการนำโครงการเล็กๆ น้อยๆ ต่างๆ มาใส่รวมในนี้เยอะมาก ซึ่งอธิบายไม่ได้ว่าเข้าหลักเกณฑ์การพัฒนา EEC อย่างไร จึงให้ที่ปรึกษากลับไปหารือและทบทวนแผนงานกับ EEC จากนั้นต้องนำแผนที่คิดได้ไป Workshop กับเอกชนและภาคประชาชนในพื้นที่ โดยให้กรอบเวลา 1 เดือน หรือประมาณต้นเดือน ก.ค.นี้จะต้องทำให้เสร็จทั้งหมด เพื่อที่จะนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิจารณาในเดือนเดียวกันต่อไป”

ส่วนโครงการในระยะแรก จำนวน 168 โครงการ วงเงินรวม 998,908 ล้านบาท ที่ประชุมรายงานสถานะของโครงการต่างๆ ดังนี้

1.ก่อสร้างแล้วเสร็จ 34 โครงการ
2.อยู่ระห่วงก่อสร้าง 79 โครงการ
3.ได้รับจัดสรรงบประมาณปี 2563 แล้ว 25 โครงการ
4.อยู่ระหว่างขอรับจัดสรรงบประมาณปี 2564 10 โครงการ
5.เป็นโครงการเอกชนร่วมลงทุน (PPP) 6 โครงการ
6.ชะลอโครงการ 2 โครงการ
7.ยกเลิกโครงการ  5 โครงการ
และอื่นๆ 7 โครงการ