ครม. เคาะ MOU ฉบับใหม่ คมนาคมร่วมกระทรวงที่ดินญี่ปุ่นทำแผนแก้จราจรระยะ 5 ปี พ่วงทางด่วนอุโมงค์”นราธิวาสฯ-สำโรง” ชี้ฉบับนี้ไม่เป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ไม่ต้องเข้าสภา
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 15 ก.พ. 2564 ได้เห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือ (MOU) ระหว่างกระทรวงคมนาคมของไทยและกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น ด้านแผนงานนโยบายและเทคโนโลยีการจราจร (Memorandum of Cooperation on the Policy Planning and Technologies of Road Traffic)
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
ความร่วมมือดังกล่าวจะเป็นกรอบความร่วมมือฉบับใหม่ แทนบันทึกความร่วมมือด้านความปลอดภัยทางถนน (Memorandum of Cooperation on Road Safety) ที่รัฐบาล 2 ประเทศดำเนินการในปี 2560-2562 ที่ต่อมาได้เปลี่ยนผู้รับผิดชอบฝ่ายญี่ปุ่นเป็นองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น(JICA) ภายใต้โครงการ Capacity Improvement for Road Traffic Safety Institution and Implementation in Thailand ดำเนินการระหว่างปี 2563-2565
ผนวกทางด่วนใต้ดิน “นราธิวาส-สำโรง”
ทั้งนี้ MOU ฉบับใหม่จะขยายขอบเขตดำเนินการระหว่างไทยและญี่ปุ่น ในด้านการพัฒนาแผนงานนโยบายและเทคโนโลยีการจราจร แนวทางการส่งเสริมโครงการในรูปแบบเอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ(PPP) การศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงการก่อสร้างอุโมงค์เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรของประเทศ ครอบคลุมถึงโครงการศึกษาความเหมาะสมการก่อสร้างทางลอดอุโมงค์ทางลอด(นราธิวาส-สำโรง) เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรในกรุงเทพฯ แลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติของญี่ปุ่นในด้านการดำเนินการและเทคโนโลยีการบำรุงรักษาถนนลอดอุโมงค์ ทางหลวงพิเศษและทางพิเศษ
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับโดยรูปแบบความร่วมมือนั้น จะให้มีผู้เชี่ยวชาญจากส่วนต่างๆ ที่มีความรู้ ประสบการณ์, เทคโนโลยี หรือผลิตภัณฑ์ด้านการจราจรเข้ามามีส่วนร่วม และจัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนโดยฝ่ายไทยจะมีผู้แทนระดับอธิบดีจากกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน และมีผู้แทนของกระทรวงที่ดินฯ ของญี่ปุ่นเข้าร่วมและให้คำแนะนำ
ทั้งนี้ ภายหลังจากได้รับความเห็นชอบจาก ครม. แล้ว กระทรวงคมนาคมจะประสานงานกับฝ่ายญี่ปุ่นเพื่อลงนามร่วมกันต่อไป โดยจะมีระยะเวลาความร่วมมือ 5 ปี นับจากวันที่ลงนาม
ไม่ต้องเข้าสภา
นอกจากนี้ กรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าร่างบันทึกความร่วมมือนี้ ไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศและไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 174 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงไม่ต้องเสนอต่อรัฐสภาเพื่อพิจารณาและเห็นชอบ