SCG ชี้ปีหน้าตลาดปูนโต เด้งรับลงทุนโครงการยักษ์

ขณะที่ภาครัฐกำลังเร่งล้างท่อลงทุนโครงการใหญ่ให้เปิดประมูลหวังดึงเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจให้สดใส ในส่วนของภาคเอกชนก็ตั้งตารอ โดยเฉพาะปูนซีเมนต์ที่จะได้รับอานิสงส์

“รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส” กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี ฉายภาพว่า ตลาดปูนซีเมนต์โดยรวมในประเทศไทยในไตรมาสที่ 3/2560 หดตัว 2% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาสก่อน เป็นผลจากโครงการเมกะโปรเจ็กต์ของภาครัฐเริ่มทยอยอนุมัติงบประมาณการลงทุน ขณะที่ภาคที่อยู่อาศัยและการก่อสร้างเชิงพาณิชย์ ยังคงชะลอตัวตามปัจจัยฤดูกาล

โดยธุรกิจเอสซีจีขับเคลื่อนโดยโครงการภาครัฐในไตรมาสที่ 3/2560 อยู่ที่ 6% หากรัฐลงทุนอย่างต่อเนื่องเอกชนก็มั่นใจ เงินจากเอกชนก็จะลงมาในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ในปีหน้าคาดว่าจะมีการเติบโตขึ้นอีก เพราะโครงสร้างพื้นฐานจะเห็นชัดมากขึ้น แต่ตลาดเอกชนต้องขอดูแนวโน้มอีกที

สำหรับผลประกอบการไตรมาสที่ 3/2560 มีรายได้จากการขาย 112,428 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสก่อน มีกำไรสำหรับงวดอยู่ที่ 11,836 ล้านบาท ลดลง 16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากไตรมาสที่ 3/2559 มีการตั้งสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี 1,800 ล้านบาท ประกอบกับส่วนต่างราคาของสินค้าเคมีภัณฑ์ปรับตัวลดลง 11% เทียบจากไตรมาสก่อนซึ่งเป็นช่วงที่มีรายได้เงินปันผลรับจากเงินลงทุนในส่วนงานอื่น

ส่วนผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2560 มีรายได้จากการขาย 337,521 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากราคาขายของสินค้าเคมีภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น และมีกำไร 42,474 ล้านบาท ลดลง 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากสภาพตลาดชะลอตัวและการแข่งขันในธุรกิจซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ที่รุนแรงมากขึ้น ด้านรายได้ส่งออกอยู่ที่ 91,123 ล้านบาท คิดเป็น 27% ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่รายได้ในอาเซียน ในไตรมาสที่ 3 มีรายได้จากการขาย 26,944 ล้านบาท คิดเป็น 24% ของรายได้รวม เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งใน 9 เดือนแรกของปี 2560 มีรายได้จากการขาย 78,945 ล้านบาท คิดเป็น 24% จากยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน