วันที่ 18 ธันวาคม นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เดินทางไปตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายให้กับการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.)
นายไพรินทร์ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมร่วมกับผู้บริหารของ กทท. ว่า กทท.ได้รายงานให้ทราบเกี่ยวกับความคืบหน้าการพัฒนาท่าเรือแหลมบัง ระยะที่ 3 ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอนอย่างต่อเนื่อง เช่น เรื่องของรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2561 และจะสามารถเปิดประกวดราคาเพื่อดำเนินการก่อสร้างได้ในปี 2561 เช่นเดียวกัน
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
- Apple เปิดตัว iPad Air-Pro รุ่นใหม่ 7 พฤษภาคมนี้
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
นายไพรินทร์กล่าวว่า การพัฒนาแหลมฉบังระยะที่ 3 ถือเป็นโครงการระยะยาว เพื่อรองรับการเติบโตในช่วง 5-7 ปีข้างหน้า เมื่อพัฒนาแล้วเสร็จจะสามารถการขนส่งสินค้าได้เกิน 10 ล้านทีอียูต่อปี ซึ่งจะช่วยในการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ด้วย
นายไพรินทร์กล่าวว่า สำหรับท่าเรือกรุงเทพหรือท่าเรือคลองเตยนั้นไม่เหมาะกับการพัฒนาเพื่อขยายขีดความสามารถรองรับเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีปัญหาในเรื่องของการจราจรและมลพิษ จึงมีนโยบายว่ามีวิธีใดบ้างที่จะไม่ให้การขนส่งวิ่งเข้ามากรุงเทพฯเพียงอย่างเดียว โดยอาจจะวิ่งไปที่อื่นในพื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯก็ได้ ซึ่งต่อไปการขนส่งสินค้าที่ท่าเรือกรุงเทพจะไม่เกิน 1.5 ล้านทีอียูต่อปี
แหล่งข่าวจาก กทท. กล่าวว่า ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 วงเงิน 1.41 แสนล้านบาท แบ่งเป็น โครงสร้างพื้นฐาน 5.7 หมื่นล้านบาท และการบริหารจัดการท่าเรือ 8.4 หมื่นล้านบาท โดยโครงสร้างพื้นฐาน คาดว่าจะเปิดประมูลกลางปี 2561 และสามารถลงนามในสัญญาได้ในเดือนธันวาคม 2561 ทั้งนี้ปัจจุบัน กทท.อยู่ระหว่างเร่งจัดทำร่างรายละเอียดและขอบเขตของงาน (ทีโออาร์) ส่วนการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (อีเอชไอเอ) คาดว่าจะดำเนินการได้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี นับจากปี 2560 หรือจะเสร็จสิ้นในเดือนพฤษภาคม 2561 จากนั้นจะใช้เวลาการก่อสร้างประมาณ 4 ปีจึงแล้วเสร็จ
ที่มา : มติชนออนไลน์
