‘กรมการข้าว’ ประกาศรับรอง ‘10 ข้าวพันธุ์ใหม่’ เฉลิมพระเกียรติ ร.10

‘กรมการข้าว’ ประกาศรับรอง ‘10 ข้าวพันธุ์ใหม่’ เฉลิมพระเกียรติ ร.10

กรมการข้าว ประกาศรับรอง 10 ข้าวพันธุ์ใหม่ เฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ 10 ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 72 พรรษา ชี้แต่ละสายพันธุ์โดดเด่น ตรงความต้องการของตลาด เพิ่มทางเลือกให้เกษตรกร

เป็นอีกหน่วยงานที่อยู่เคียงข้างชาวนาและเกษตรกรผู้ปลูกข้าวมาโดยตลอด สำหรับ “กรมการข้าว” ที่ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2567 ที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณารับรองพันธุ์ข้าว มีมติรับรองข้าวพันธุ์ใหม่ 10 พันธุ์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พระชนมพรรษา 72 พรรษา 

โดยข้าวพันธุ์ใหม่ 10 พันธุ์ ประกอบไปด้วย ข้าวขาวพื้นแข็ง ข้าวหอมไทย ข้าวเหนียว ข้าวญี่ปุ่น และข้าวสาลี ซึ่งมีความสำคัญต่อชาวนา รวมถึงประชาชนที่อยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย ที่สำคัญคือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวจะมีข้าวพันธุ์ใหม่ คุณภาพดี ตรงความต้องการของผู้บริโภคและผู้ประกอบการ ในแต่ละชนิดและประเภทข้าว ได้แก่ กข99 (หอมคลองหลวง 72), กข26 (เชียงราย 72), กข103 (หอมชัยนาท 72), กข105 (เจ้าพระยา 72), กข107 (พิษณุโลก 72), กข109 (หอมพัทลุง 72), กข24 (สกลนคร 72), กขจ1 (วังทอง 72), กขส1 (สะเมิง 72) และ หอมหัวบอน35(กระบี่ 72) ซึ่งเป็นทางเลือกให้เกษตรกรในการเลือกใช้พันธุ์ข้าวสำหรับปลูกแต่ละนิเวศน์ของการปลูกข้าวในประเทศไทย

ณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์

นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า ข้าวพันธุ์ใหม่ทั้ง 10 พันธุ์ มีจุดเด่นที่แตกต่างกันตามการนำไปใช้ประโยชน์ แต่ล้วนเป็นสายพันธุ์ที่โดดเด่น โดยกรมการข้าวได้กำหนดที่จะเปิดการจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าวทั้ง 10 สายพันธุ์ ตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม 2567 

“โดยปกติแล้ว กว่าเราประกาศพันธุ์ข้าวทีนึง ต้องรอระยะเวลา บางสายพันธุ์ใช้เวลาถึง 2 ปี เพราะเราพยายามเฟ้นที่ดีที่สุด ดูที่จุดเด่นจุดด้อย ช่วยสร้างทางเลือกใหม่ให้กับเกษตรกร การประกาศรับรองครั้งนี้เป็นการยืนยันว่า สายพันธุ์ข้าวไทยนั้นมีคุณภาพไม่แพ้ชาติใดในโลก 

“ผมคิดว่าเป็นความต้องการของตลาด เพราะ 1. อายุของแต่ละสายพันธุ์จะไม่ยาว 2. ผลผลิตต่อไร่จะสูง โดย 10 สายพันธุ์นี้ ให้ผลผลิตต่อไร่สูงถึง 1,000 กิโลกรัมขึ้นไป และ 3. ต้านทานต่อโรคและแมลงเป็นอย่างดี ซึ่งต้องขอบคุณทางนักวิจัยเรา และทีมงานทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในกรมการข้าว บุคลากรของเราแต่ละจุดแต่ละที่ ที่ได้ร่วมไม้ร่วมมือกัน ผลิตสายพันธุ์ข้าวให้ตรงกับความต้องการของพี่น้องประชาชนและตลาด”

ด้าน นางสาวประกอบกิจ ดังไธสง นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ ศูนย์วิจัยข้าวคลองหลวง กล่าวถึงข้าวพันธุ์ กข99 หรือ หอมคลองหลวง 72 ว่า ข้าว กข99 เป็นข้าวที่มีจุดเด่นคือให้ผลผลิตสูง เป็นข้าวพื้นนุ่มที่ไม่ไวต่อช่วงแสง สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี และสามารถปลูกได้ทุกพื้นที่ 

“ที่เราเคยทดสอบมาแล้ว เช่น พื้นที่ทางภาคกลาง ภาคเหนือตอนล่างและภาคเหนือตอนบน ตั้งแต่ปทุมธานี พิจิตร นครสวรรค์ จนถึงเชียงราย เป็นข้าวที่มีความหอม ลักษณะเหนียวนุ่ม รสสัมผัสรสชาติดี เมื่อหุงสุก เป็นข้าวที่รับประทานได้ทดแทนข้าวหอมปทุมธานี 1 ที่ตอนนี้มีข้อจำกัดค่อนข้างมาก เราก็เลยพัฒนาสายพันธุ์นี้ แล้วก็ขอเสนอรับรองพันธุ์ เพื่อที่จะให้เป็นทางเลือกของเกษตรกร เพื่อจะได้มีความหลากหลายของสายพันธุ์ข้าวหอม ที่จะไปปลูกในพื้นที่ที่หลากหลายมากขึ้น จุดเด่นอีกอย่างนึงก็คืออายุสั้นกว่าปทุมธานี 1 และเป็นข้าวที่มีเปอร์เซ็นต์การขัดสีที่ดี ให้เปอร์เซ็นต์ข้าวเต็มเมล็ดและต้นข้าวที่สูง สามารถทำเป็นข้าวคุณภาพชั้น 1 ได้ดี”

สำหรับ 10 ข้าวพันธุ์ใหม่ ที่กรมการข้าวประกาศรับรอง เนื่องในโอกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พระชนมพรรษา 72 พรรษา ประกอบด้วย 

  1. กข99 (หอมคลองหลวง 72) 

เป็นข้าวเจ้าหอมพื้นนุ่ม ไม่ไวต่อช่วงแสง อายุเก็บเกี่ยว 115 วัน ให้ผลผลิต 957 กิโลกรัมต่อไร่ แนะนําใช้ปลูกในพื้นที่นาชลประทานภาคกลาง ภาคเหนือตอนล่าง และภาคเหนือตอนบนที่เป็นพื้นที่ส่งเสริมให้ปลูกข้าวหอมไทย ข้อควรระวัง ค่อนข้างอ่อนแอต่อเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล อ่อนแอต่อโรคไหม้และโรคขอบใบแห้ง

  1. กข103 (หอมชัยนาท 72) 

เป็นข้าวเจ้าหอมพื้นนุ่มไวต่อช่วงแสง อายุเบา ออกดอกประมาณวันที่ 15 ตุลาคม อมิโลสต่ำ คุณภาพการหุงต้ม

และรับประทานดี ผลผลิตเฉลี่ย 596 กิโลกรัมต่อไร่ ให้ผลผลิต 875 กิโลกรัมต่อไร่ แนะนำปลูก ในพื้นที่นาน้ำฝนภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง ต้านทานต่อโรคไหม้ และโรคขอบใบแห้งในเขตภาคกลาง ข้อควรระวัง ค่อนข้างอ่อนแอต่อโรคไหม้และโรคขอบใบแห้งในเขตภาคเหนือตอนล่าง โดยเฉพาะ จังหวัดพิษณุโลก รวมถึงค่อนข้างอ่อนแอต่อเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและเพลี้ยกระโดดหลังขาว

  • กข105 (เจ้าพระยา 72) 

เป็นข้าวเจ้าไม่ไวต่อช่วงแสง อายุเก็บเกี่ยว 100-110 วัน (หว่านน้ำตม) และ 110-116 วัน (ปักดำ) ให้ผลผลิต 

1,176 กิโลกรัมต่อไร่ ต้านทานโรคขอบใบแห้ง และเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ท้องไข่น้อย คุณภาพการสีดีมาก สามารถผลิตข้าวสาร 100 เปอร์เซ็นต์ ชั้น 1 ได้ แนะนําปลูกพื้นที่นาชลประทานภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลาง ข้อควรระวัง ค่อนข้างอ่อนแอต่อโรคไหม้

  • กข107 (พิษณุโลก 72) 

เป็นข้าวเจ้าพื้นแข็งหอม ไม่ไวต่อช่วงแสง อายุเก็บเกี่ยว 107 วัน (ฤดูนาปี) และ 108 วัน (ฤดูนาปรัง) เมื่อปลูก

โดยวิธีปักดำ ต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ทนน้ำท่วมฉับพลันปานกลาง ให้ผลผลิต 1,070 กิโลกรัมต่อไร่ แนะนํา พื้นที่นาชลประทานในเขตภาคเหนือตอนลางและภาคกลาง ข้อควรระวัง อ่อนแอต่อโรคไหม้ โรคขอบใบแห้ง และเพลี้ยกระโดดหลังขาว

  1. กข109 (หอมพัทลุง 72) 

เป็นข้าวเจ้าหอมพื้นนุ่มไม่ไวต่อช่วงแสง อายุเก็บเกี่ยว (102 วัน วิธีหว่านน้ำตม และ 112 วัน วิธีปักดำ) ให้

ผลผลิตสูงสุด 1,086 กิโลกรัมต่อไร่ แนะนําปลูกพื้นที่นาชลประทานภาคใต้ ข้อควรระวัง อ่อนแอต่อโรคไหม้ ขอบใบแห้ง และเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ควรหลีกเลี่ยงการปลูกพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคไหม้ ขอบใบแห้ง และเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลเป็นประจำ

  • กข24 (สกลนคร 72)

เป็นข้าวเหนียวไวต่อช่วงแสง ปลูกได้เฉพาะฤดูนาปี ออกดอก 50 เปอร์เซ็นต์ ประมาณวันที่ 21 ตุลาคม เก็บ

เกี่ยวประมาณ วันที่ 23 พฤศจิกายน ผลผลิตเฉลี่ย 663 กิโลกรัมต่อไร่ ศักยภาพการให้ผลผลิตสูงสุด 1,002 กิโลกรัมต่อไร่ มีลำต้นเตี้ย ต้านทานการหักล้มดีกว่าพันธุ์ กข6 และ กข18 ต้านทานโรคไหม้ในระยะกล้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แนะนําให้ปลูกในพื้นที่นาน้ำฝนภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีการระบาดของโรคไหม้ ข้อควรระวัง อ่อนแอต่อโรคไหม้คอรวง ขอบใบแห้ง แมลงบั่ว และเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล และ กข18

  • กข26 (เชียงราย 72) 

เป็นข้าวเหนียวไม่ไวต่อช่วงแสง อายุเก็บเกี่ยวประมาณ 130 วัน ให้ผลผลิต 1,152 กิโลกรัมต่อไร่ ต้านทานต่อ

โรคไหม้ระยะกล้าในภาคเหนือตอนบน แนะนําปลูกพื้นที่นาชลประทานภาคเหนือตอนบน ข้อควรระวัง อ่อนแอต่อโรคไหม้คอรวง ขอบใบแห้ง แมลงบั่ว เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและเพลี้ยกระโดดหลังขาว

  • กขจ1 (วังทอง 72) 

เป็นข้าวญี่ปุ่น หรือจาปอนิกาไม่ไวต่อช่วงแสง อายุเก็บเกี่ยว 98-113 วัน (นาปี และ 105-123 วัน(นาปรัง เมื่อ

ปลูกโดยวิธีปักดำให้ผลผลิต953กิโลกรัมต่อไร่ ต้านทานต่อโรคไหม้ แนะนำปลูกพื้นที่นาชลประทานในเขตภาคเหนือตอนบนและล่าง ข้อควรระวังอ่อนแอต่อเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล และเพลี้ยกระโดดหลังขาว

  1. กขส1 (สะเมิง 72) เป็นข้าวสาลี อายุเก็บเกี่ยวประมาณ 89 วัน เมื่อปลูกโดยวิธีโรยเป็นแถว ผลผลิตเฉลี่ย 441 

กิโลกรัมต่อไร่ให้ผลผลิตสูงถึง 569 กิโลกรัมต่อไร่ คุณภาพของโปรตีนเหมาะสมสำหรับทำแป้งขนมปัง มีค่าความหนืดสูงสุด แนะนําปลูก ภาคเหนือตอนบน ข้อควรระวัง การปลูกล่าช้าอาจทำให้เกิดโรคใบจุดสีน้ำตาล

  1. หอมหัวบอน 35 (กระบี่ 72) เป็นข้าวไร่ไวต่อช่วงแสง อายุวันออกดอก ระหว่าง 21 กันยายน-17 ตุลาคม เยื่อหุ้มเมล็ดสีแดง ข้าวหุงสุกมีกลิ่นหอมเหมือนเผือก มีคุณภาพการหุงต้มและรับประทานดี มีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย คือ Gamma Oryzanol และ Total antioxidant ค่อนข้างสูง ต้านทานโรคไหม้ในระยะกล้า แนะนําปลูกในสภาพไร่แซมยางพาราและปาล์มน้ำมัน ที่ปลูกใหม่ อายุ 1-3 ปี ในภาคใต้ ข้อควรระวัง อ่อนแอต่อโรคขอบใบแห้งและเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล

อธิบดีกรมการข้าว กล่าวทิ้งท้ายว่า “คาดว่าปลายปีที่จะถึงนี้ จะมีสายพันธุ์ใหม่ๆ เพิ่มเติมขึ้นมาอีก ก็ต้องถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีที่เราได้ร่วมกันกับสถาบันต่างๆ มากมาย และได้ทำการทดลอง ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีภาคการผลิตและสายพันธุ์ต่างๆ ซึ่งหากหน่วยงานภาคเอกชนหน่วยงานไหนที่อยากให้กรมการข้าวรับรองพันธุ์ก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง เราเปิดโอกาสให้ทุกคนที่มีสายพันธุ์ดีๆ เข้ามาประกวดแข่งขันและมารับรองสายพันธุ์โดยกรมการข้าว พี่น้องเกษตรกรหรือภาคเอกชนที่มีสายพันธุ์ข้าวดีๆ ได้ร่วมกันมาเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาสายพันธุ์ข้าวของประเทศเรา” 

สำหรับเกษตรกรที่สนใจเมล็ดพันธุ์ข้าว ทั้ง 10 สายพันธุ์ กรมการข้าวได้กำหนดที่จะเปิดการจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม 2567 นี้ โดยสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวทั่วประเทศ