กระทรวงแรงงานจัดเต็ม ของขวัญปีใหม่ 2566 “ให้-ฟรี-ลด” รีบใช้สิทธิ

ของขวัญปีใหม่กระทรวงแรงงาน 2566

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน จัดเต็ม มอบของขวัญปีใหม่ 2566 “ให้ ฟรี ลด แรงงานสุขใจ”

วันที่ 22 ธันวาคม 2565 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานแถลงข่าวของขวัญปีใหม่กระทรวงแรงงาน ปี 2566 โดยมีนายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย ณ บริเวณชั้นล่างอาคารกระทรวงแรงงาน

นายสุชาติกล่าวว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และกระทรวงแรงงาน ภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มีความห่วงใยพี่น้องผู้ใช้แรงงานทุกคนทุกกลุ่ม และได้สั่งการให้ทุกกระทรวงพิจารณาของขวัญที่จะมอบให้ประชาชน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและเป็นกำลังใจแก่ประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่นั้น และที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2565 ได้เห็นชอบมาตรการมอบของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน ซึ่งในส่วนของกระทรวงแรงงานในปีนี้มีของขวัญปีใหม่จำนวน 6 ชิ้น ภายใต้เคมเปญ “ให้ ฟรี ลด แรงงานสุขใจ” เพื่อมอบความสุขแก่พี่น้องผู้ใช้แรงงาน ดังนี้

ชิ้นที่ 1 ให้-สินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตนดอกเบี้ยต่ำ ส่งเสริมที่อยู่อาศัยให้กับผู้ประกันตน เพื่อไถ่ถอนจำนองจากสถาบันการเงินอื่น ๆ และลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในบัญชีเงินกู้ที่กู้อยู่กับธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ วงเงินโครงการไม่เกิน 30,000 ล้านบาท ภาระดอกเบี้ยของผู้ประกันตนลดลง ตลอดระยะเวลาการกู้ประมาณ 8,472 ล้านบาท

เพื่อให้ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม มาตรา 33 ที่จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน สามารถใช้สิทธิในการลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัย ปีที่ 1-5 ปี อัตราดอกเบี้ย 1.99% ต่อปี คงที่ 5 ปี ปีที่ 6-8 อัตราดอกเบี้ย MRR-2.00% ต่อปี และปีที่ 9 เป็นต้นไปจนถึงตลอดอายุสัญญา อัตราดอกเบี้ย MRR-0.50% ต่อปี ปล่อยกู้ไม่เกินรายละ 2 ล้านบาท

ชิ้นที่ 2 ให้-เข้าถึงสิทธิการรักษา 5 โรคตามที่โรงพยาบาลกำหนด ได้แก่ โรคมะเร็งเต้านม ก้อนเนื้อที่มดลูก โรคนิ่วในไตหรือถุงน้ำดี โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจและหลอดเลือด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงการรักษาจำนวน 7,500 คน ตั้งแต่ 1 มกราคม-30 กันยายน 2566

โดย MOU ระหว่างสำนักงานประกันสังคมและสถานพยาบาลเฉพาะทางที่สำนักงานประกันสังคมกำหนด เพื่อให้ผู้ประกันตนเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพ ลดการรอคอยการผ่าตัด โดยสำนักงานประกันสังคมจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ให้แก่โรงพยาบาลที่ดำเนินการผ่าตัดโดยตรง

ชิ้นที่ 3 ให้-งานทำ “ต้องการทำงาน ต้องได้ทำงาน” ประชาชนที่ต้องการมีงานทำ ได้มีโอกาสเลือกสมัครงานที่ตรงกับความรู้ ความสามารถ และความถนัดของตนเอง ได้มีงานทำ มีรายได้ เลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้ ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

กรมการจัดหางานได้เตรียมตำแหน่งงานว่างที่หลากหลายไว้ให้บริการ จำนวน 613,784 อัตรา เป็นตำแหน่งงานว่างในประเทศ 563,784 อัตรา และต่างประเทศ 50,000 อัตรา ผู้สนใจติดต่อสมัครงานผ่านระบบ e-Service ที่เว็บไซต์ www.ไทยมีงานทำ.com สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 และรถโมบายจัดหางานเคลื่อนที่

ชิ้นที่ 4 ฟรี-ค้นหาความเสี่ยง โรคหลอดเลือดและโรคหัวใจในสถานประกอบการใน 7 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ สมุทรปราการ ชลบุรี นนทบุรี ปทุมธานี ระยอง พระนครศรีอยุธยา และสมุทรสาคร เป้าหมายผู้ประกันตน 300,000 คน เน้นการค้นหาความเสี่ยงโรคหลอดเลือดและหัวใจ แบ่งกลุ่มตามความเสี่ยง เสี่ยงสูง ปานกลาง น้อย

โรงพยาบาลนัดหมายประเมินเรื่องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมรายบุคคลระยะเวลา 6 เดือน ติดตามผล ระบบ telemedicine และดำเนินการปรับพฤติกรรม ตรวจประเมินคัดกรองความเสี่ยง และดำเนินการบันทึกข้อมูลด้วยระบบ IT จะทำให้ผู้ประกันตนได้รับการประเมินสภาวะสุขภาพ

โดยเฉพาะโอกาสการเสียชีวิตโรคหัวใจและหลอดเลือด และนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ เกิดเป็นต้นแบบด้านการจัดบริการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในสถานประกอบการ ซึ่งโครงการนี้เริ่มตั้งแต่มกราคม 2566 เป็นต้นไป

ชิ้นที่ 5 ฟรี-อบรมเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยระดับเทคนิคขั้นสูงและระดับวิชาชีพจำนวน 10,000 คน หลักสูตรกฎหมายความปลอดภัยฯ ทักษะการปฏิบัติงานด้านความปลอดภัยในการทำงาน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยและลูกจ้างได้รับการดูแลเกี่ยวกับความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ลดค่าใช้จ่ายให้กับนายจ้าง ในการส่งเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับเทคนิค ระดับเทคนิคขั้นสูง และระดับวิชาชีพ เข้ารับการฝึกอบรมกับหน่วยงานฝึกอบรม โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม 2566

ชิ้นที่ 6 ลด-อัตราค่าทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน เป้าหมาย 5,000 คนทั่วประเทศ โดยค่าทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน ระดับ 1 จาก 100 บาท เหลือ 1 บาท ระดับ 2 จาก 150 บาท เหลือ 2 บาท และระดับ 3 จาก 200 บาท เหลือ 3 บาท คิดเป็นมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท นาน 3 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-31 มีนาคม 2566 สามารถติดต่อได้ที่สำนักงาน/สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานทุกจังหวัดทั่วประเทศ

นายสุชาติกล่าวต่อว่า ถือเป็นความตั้งใจอย่างยิ่งที่รัฐบาลและกระทรวงแรงงาน ได้ออกมาตรการต่าง ๆ มาเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับพี่น้องผู้ใช้แรงงานได้เข้าถึงบริการจากรัฐ สร้างความเท่าเทียม และลดความเหลื่อมล้ำในสังคม

รวมทั้งกระตุ้นการจ้างงานตามความต้องการในระบบเศรษฐกิจใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ พัฒนาทักษะแรงงานให้เป็นแรงงานคุณภาพ นำไปสู่การต่อยอดการประกอบอาชีพ ยกระดับรายได้ ตลอดจนร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนากำลังแรงงานให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดในอนาคต อันจะเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตแรงานให้มีหลักประกันความมั่นคงในชีวิตต่อไป

ต่อจากนั้น รมว.แรงงานยังได้เยี่ยมชมบูทกิจกรรมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานและหน่วยงานภาคเอกชนที่เข้าร่วม อาทิ โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 โรงพยาบาลเกษมราษฎร์บางแค ร่วมกับโรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล ให้บริการตรวจสุขภาพในเบื้องต้น คัดกรองความดันสูง วัดความดัน คัดกรองเบาหวาน เจาะน้ำตาลปลายนิ้วมือ คัดกรองมวลกระดูก แจกคูปองทำคลื่นไฟฟ้าหัวใจ คัดกรองโรคหัวใจ ปรึกษาปัญหาสุขภาพเบื้องต้น โดยแพทย์เฉพาะทาง ธนาคารอาคารสงเคราะห์ให้บริการโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตนร่วมกับสำนักงานประกันสังคม กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน สาธิตด้านความปลอดภัยในการทำงาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน สาธิตการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน และกรมการจัดหางานประชาสัมพันธ์แอปพลิเคชั่นไทยมีงานทำ เป็นต้น