บิ๊กธุรกิจผนึก 500 เครือข่าย ชู SX2023 งานยั่งยืนใหญ่สุดในอาเซียน

5 องค์กรชั้นนำผนึกเครือข่ายพันธมิตรกว่า 500 แห่ง เตรียมจัดงานเอ็กซ์โปความยั่งยืนใหญ่ที่สุดในอาเซียน “Sustainability Expo 2023 (SX2023)” โชว์แนวคิด “พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก” ตั้งเป้าผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 3.2 แสนคน

นางต้องใจ ธนะชานันท์ ผู้อำนวยการคณะจัดงาน SX2023 กล่าวว่า งาน SX2023 จัดขึ้นเป็นปีที่ 4 ภายใต้ความร่วมมือของ 5 องค์กรชั้นนำ ประกอบด้วยบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด, บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC, บริษัท เอสซีจี จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และเครือข่ายพันธมิตรภาครัฐ-เอกชนกว่า 500 แห่ง

ภายใต้แนวคิด “พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก” ด้วยการน้อมนำพระปฐมบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”

โดยเฉพาะการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 มาเป็นแนวทางการจัดงานด้านความยั่งยืนที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ผนวกกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของชาติ (UNSDGs) มาสู่การปฏิบัติจริง ภายใต้แนวคิด “Good Balance, Better World สมดุลที่ดี เพื่อโลกที่ดีกว่า”

ดังนั้น SX2023 จึงเป็นแพลตฟอร์มที่รวมคนจากทุกภาคส่วน ด้วยการนำเสนอโมเดลธุรกิจ B2C2B (business-to-consumer-to-business) เพราะต้องการสื่อสารและพูดคุยกับผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นเยาวชน คนธรรมดา พนักงานองค์กรต่าง ๆ ให้ตระหนักว่าเรื่องความยั่งยืนไม่ใช่สิ่งไกลตัว สามารถเริ่มจากตัวเราเอง

เพราะเป้าหมายหลักของโมเดลคืออยากเห็นการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้คนชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ การกิน การแยกขยะ ซึ่งการจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้ต้องมีการสื่อสารผ่านการให้ความรู้ และกิจกรรมให้คนมีส่วนร่วม จึงเป็นที่มาของการจัด SX2023 ระหว่างวันที่ 29 กันยายน-8 ตุลาคม 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

“ที่สำคัญ เราตั้งเป้าหมายที่จะจัดงานทุกปี เพราะอยากเห็นการพัฒนาด้านต่าง ๆ มากขึ้น และจากการจัดงานปี 2565 ผ่านมาประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่มีการเปิดใช้ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ มีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 2.7 แสนคน มีองค์กรเข้าร่วม 169 แห่ง มีวิทยากรเข้าร่วม 400 กว่าคน มีร้านอาหารมาออกงาน 126 ร้าน รวมถึงร้านค้าอื่น ๆ เกือบ 300 ร้าน

ซึ่งหลังจากงานเสร็จสิ้น เราสามารถเก็บคืนขวดพลาสติกได้ 960 กิโลกรัม เก็บกระป๋อง อะลูมิเนียมได้กว่า 300 กิโลกรัม เก็บขวดแก้วได้เกือบ 2,000 กิโลกรัม พร้อมกับนำอาหารที่คนกินไม่หมดไปทำปุ๋ย ส่วนอาหารที่กินได้นำไปบริจาคให้กับชุมชนอีกด้วย สำหรับปีนี้มีองค์กรผู้ประกอบการตอบรับเข้าร่วมงานกับเราเพิ่มขึ้นถึง 10% แสดงให้เห็นว่าตอนนี้ทุกองค์กรอยากเป็นส่วนหนึ่งของ SX ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าอยากให้มีคนเข้าร่วมงานมากกว่า 3.2 แสนคน”

นางต้องใจกล่าวต่อว่า ส่วนรูปแบบการจัดงานยังเหมือนกับปีที่ผ่านมา แต่จะมีการนำเสนอหัวข้อที่หลากหลายขึ้น โดยเฉพาะโลกร้อนเป็นเรื่องสำคัญที่สุด นอกจากนั้น ก็จะมีเรื่องการใช้พลังงานสะอาด การใช้บรรจุภัณฑ์ยั่งยืน การกำจัดขยะ ซึ่งเรื่องเหล่านี้จะเปลี่ยนได้ต้องใช้ความรู้และเทคโนโลยี ดังนั้น องค์กรต่าง ๆ ที่มาร่วมงานจะเชื่อมโยงพูดคุยกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง

โดยเฉพาะเรื่อง CBAM (carbon border adjustment mechanism) ซึ่งเป็นเรื่องเข้าใจยาก เราก็จะมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญมาอธิบายถึงผลกระทบการส่งออกธุรกิจของไทยจะต้องปรับตัวอย่างไรบ้าง นอกจากนั้น ยังมีประเด็นเกี่ยวกับสังคม ความเท่าเทียมที่จะถูกนำมาพูดถึงในงานด้วย เพราะภายในงานจะมีวิทยากรไทยและต่างประเทศกว่า 300 รายทั่วโลก รวมถึงเครือข่ายธุรกิจยั่งยืนจากบริษัทและองค์กรชั้นนำของไทย และต่างประเทศกว่า 500 แห่งร่วมงาน

ขณะที่นายพรพรหม ณ.ส. วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเสริมว่า เรื่องความยั่งยืนเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงในกลุ่มคนเล็ก ๆ ดังนั้น การมีแพลตฟอร์มขนาดใหญ่อย่างงาน SX2023 จะทำให้เข้าถึงคนในวงกว้างมากขึ้น สำหรับครั้งนี้ กทม.มีส่วนร่วมด้วยการเปิดสวนเบญจกิติ ด้วยการเชิญชวนทุกคนมาชมธรรมชาติของต้นไม้ เพื่อให้เห็นถึงความสำคัญของการมีพื้นที่สีเขียว

ขณะเดียวกัน ยังสร้างความตระหนักเรื่องกระแส fast fashion ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยจะเปิดโกดังในสวนเพื่อเป็นสถานที่รับบริจาคเสื้อผ้า สิ่งของที่ไม่ใช้แล้ว และคัดเลือกบางส่วนไปบริจาคให้กับมูลนิธิ หรือองค์กรต่าง ๆ

ส่วนนายเจรมัย พิทักษ์วงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจ Media and Event บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความยั่งยืนครอบคลุมในหลายมิติ ซึ่งในงานนี้องค์กรธุรกิจจะมีการนำเสนอในหลายประเด็น ขณะที่อมรินทร์ฯก็มีส่วนในการดูแลโซน market place ซึ่งเป็นโซนที่รวมผู้ประกอบการรายเล็ก SMEs รวมถึงพ่อค้าแม่ค้าจากชุมชนต่าง ๆ ที่เรามีส่วนในการช่วยส่งต่อ และนำเสนอสินค้าจากชุมชนทั่วประเทศให้เป็นที่รู้จักผ่านการทำกิจกรรม พร้อมกับนำเสนอข่าวประชาสัมพันธ์ตลอดงานด้วย