ม.ร.ว.ดิศนัดดา ยกศาสตร์พระราชา เป็นศาสตร์ที่จะนำไทยและโลกไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน SDGs 2030

“ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิศกุล” ประธานกรรมการสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ ในงานสัมมนา SDGs ก้าวใหม่ธุรกิจไทย จากทุนหมู่บ้าน ถึงกระดานหุ้นโลก ว่า เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า SDGs เป็นเป้าหมายที่ทั้งโลกตกลงร่วมกันเมื่อปี 2015 ว่าจะทำให้สำเร็จภายในปี 2030 “แต่จากการสำรวจคนทั่วโลก เมื่อปลายปีที่ผ่านมา พบว่าคนที่รู้จัก SDGs มีเพียง 27% เท่านั้น ฉะนั้นผมคิดว่า เราต้องเริ่มจากการย้อนกลับไปมองว่าทำไมต้องมี SDGs และสาเหตุที่โลกตั้ง SDGs ขึ้นมาเพราะอะไร หรือ MDGs (Millennium Development Goals) ใช้ไม่ได้ ไม่มีประสิทธิภาพ”

“เราเคยตั้งเป้าหมายร่วมกันมาแล้วเมื่อปี 2000 ว่าจะขจัดความยากจนให้หมดไปในปี 2015 แต่ปัญหาความยากจน ความเหลื่อมล้ำในสังคม ความเจริญที่กระจุกตัว การกดขี่ กีดกัน มือใครยาวสาวได้สาวเอา ยังคงเป็นปัญหาหลักทั่วทุกมุมโลก”

“อย่างในประเทศไทย บัญชีเงินฝากของทุกธนาคารรวมกันแล้วมีประมาณ 80 ล้านบัญชี แต่มีบัญชีที่มีเงินเกิน 5 แสนบาท มีเพียง 3% ส่วนบัญชีที่มีเงินฝากไม่ถึง 5 หมื่นบาท มีถึง 88% หรืออย่างจำนวนแพทย์ที่อยู่ใน กทม.มีอยู่ 25,142 คน ส่วนอยู่ในจังหวัดอื่นๆ 25,152 คน นั่นทำให้เห็นว่า 70 กว่าจังหวัดมีแพทย์มากกว่ากรุงเทพมหานครจังหวัดเดียวแค่ 10 คนเท่านั้น”

“ความเหลื่อมล้ำนี้ทำให้คนในระดับฐานรากที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ยากที่จะพัฒนาตนเองได้ ซึ่งทำให้นโยบายประชานิยมที่ไม่รับผิดชอบต่อสังคม ได้รับความนิยม ทั้งๆ ที่ใช้งบประมาณสูง ไม่ยั่งยืนในระยะยาว และสร้างภาระให้รุ่นลูกรุ่นหลาน”

ไม่เพียงเท่านี้ยังมีปัญหาเรื่องผลิตภาพแรงงานลดลง ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การละเลยการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและดูแลระบบนิเวศอย่างเหมาะสม ปัญหาคอร์รัปชั่นที่มีอยู่อย่างแพร่หลาย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดรั้งประเทศไม่ให้ก้าวไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน และสุดท้ายคือปัญหายาเสพติด ที่มีอยู่ทุกซอกทุกมุมของประเทศไทย และกำลังพาประเทศไทยสู่หายนะ

“ม.ร.ว.ดิศนัดดา” กล่าวอีกว่า ปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาที่ทุกประเทศกำลังเผชิญอยู่ ผมคิดว่าเราต้องกลับมาคิดแล้วว่าระบบเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ ไม่ว่าจะเป็น Capitalism, Socialism หรือ Communism นำเรามาถูกทางแล้วหรือยัง โดยเฉพาะเรื่องของทุนนิยม capitalism ที่ฝั่งตะวันตกยกให้เป็นสุดยอดของการบริหารโลก แต่ปัญหาเหล่านี้จึงมีแต่แย่ลงๆ

“หากเปิดใจให้กว้าง เราจะเห็นว่าประเทศไทย มีแนวทางที่จะตอบโจทย์ SDGs อยู่แล้ว เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับเรา อันจะเห็นได้จากการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงพระองค์ทรงทำมาตลอดระยะเวลา 70 ปี”

“และศาสตร์พระราชาไม่ใช่ศาสตร์สาหรับการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนในชนบทเท่านั้น แต่เป็นศาสตร์ที่ใช้ได้กับคนทุกคน เพราะคนก็คือคน คนจนในเมืองกับคนจนในชนบทก็ไม่ได้ต่างกัน เราทุกคนต้องกิน ต้องใช้”

“บริษัทใหญ่ๆ ต้องช่วยกันทำให้คนยากจนมีชีวิตดีขึ้น อยู่ดีมีสุขมากขึ้น เมื่อบริษัทช่วยเขา ก็เหมือนกับช่วยตัวเอง เพราะถ้าชาวบ้านมีรายได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เขาก็มีเงินไปซื้อของ แล้วของในตลาดเป็นของใคร ถ้าไม่ใช่บริษัทใหญ่ๆ และการเข้าไปช่วยนั้น ไม่ใช่เอาเงินไปให้ชาวบ้าน แต่ต้องเอาองค์ความรู้ไปให้ แล้วให้เขาทำเอง อย่างนี้ถึงจะยั่งยืน”

“ผมเชื่อว่าศาสตร์พระราชาเป็นศาสตร์แห่งการแก้ไขปัญหาและพัฒนาชีวิตคนอย่างยั่งยืน การนำไปปฏิบัติจริงผมเชื่อว่าจึงนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน SDG ได้อย่างแน่นอน”