นายจ้างสั่งตรวจโควิด ฉีดวัคซีนได้หรือไม่ ? กสร. ตอบคำถาม

ภาพ: กระทรวงแรงงาน

กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ชี้แจงนายจ้างออกคำสั่งให้ลูกจ้างตรวจหาเชื้อโควิด-19 หรือฉีดวัคซีนป้องกันได้ต่อเมื่อลูกจ้างมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสโควิด–19 เท่านั้น และห้ามเลิกจ้าง

วันที่ 6 สิงหาคม 2564 กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) ชี้แจงนายจ้างไม่มีอำนาจสั่งให้ลูกจ้างทุกคนเข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) จากแพทย์ หรือรับฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันโรค แต่หากข้อเท็จจริงปรากฏว่าลูกจ้างมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสโควิด–19 นายจ้างสามารถออกคำสั่งดังกล่าวได้ เพื่อเป็นการคัดกรอง ป้องกัน เฝ้าระวัง รักษา ควบคุมมิให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส

โสภา เกียรตินิรชา รองอธิบดีและโฆษก กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน

นางโสภา เกียรตินิรชา รองอธิบดีและโฆษก กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กล่าวถึงกรณีนายจ้างมีประกาศหรือคำสั่งให้ลูกจ้างทุกคนเข้ารับการตรวจจากแพทย์ หรือเข้ารับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ด้วยการฉีดวัคซีน ในกรณีที่ลูกจ้างมีความเสี่ยงหรือต้องสงสัยว่าจะติดเชื้อไวรัสโควิด–19 แม้มีเจตนาเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด แต่ไม่ปรากฏว่ามีกฎหมายให้อำนาจนายจ้างดำเนินการดังกล่าวได้

อีกทั้งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มอบอำนาจให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อที่จะสั่งให้ลูกจ้างที่มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสโควิด–19 ตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด เช่น ผู้สัมผัสหรือใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด–19 เป็นต้น เข้ารับการตรวจจากแพทย์ หรือเข้ารับการสร้างภูมิคุ้มกันโรค ตามวัน เวลา และสถานที่ที่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อกำหนดไว้

ดังนั้น นายจ้างจึงไม่สามารถไม่ให้ลูกจ้างที่ไม่ผ่านการตรวจ หรือไม่ได้เข้ารับการสร้างภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 เข้าทำงาน ทั้งนี้ นายจ้างยังต้องจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้าง หากนายจ้างไม่ให้ลูกจ้างเข้าทำงาน และไม่จ่ายค่าจ้างหรือมีพฤติการณ์ใด ๆ ที่แสดงว่าเป็นการเลิกจ้างลูกจ้าง นายจ้างจะต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายให้แก่ลูกจ้างด้วย

อย่างไรก็ตาม หากข้อเท็จจริงปรากฏว่าลูกจ้างมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสโควิด–19 นายจ้างอาจมีคำสั่งให้ลูกจ้างเข้ารับการตรวจจากแพทย์ หรือคำสั่งให้ลูกจ้างเข้ารับการสร้างภูมิคุ้มกันโรค เพื่อป้องกันโรคเป็นการเฉพาะรายได้ และถือว่าคำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งที่มีลักษณะกำหนดขึ้นเพื่อคัดกรองป้องกัน เฝ้าระวัง รักษา ควบคุมมิให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด–19

รวมทั้งเป็นการป้องกันสุขภาพของบุคคลอื่น จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายหากลูกจ้างไม่ปฏิบัติตามคำสั่งโดยไม่มีเหตุอันสมควร ถือว่าลูกจ้างฝ่าฝืนคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมายตามนัยมาตรา 119 (4) แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 และมาตรา 583 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

โฆษก กสร. กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด– 19 นายจ้างควรให้ความรู้แก่ลูกจ้างว่าการเข้ารับการสร้างภูมิคุ้มกันโรคเป็นเรื่องที่จำเป็น เพื่อป้องกันมิให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด–19

รวมทั้งควรสร้างความเข้าใจให้แก่ลูกจ้างว่า การเข้ารับการสร้างภูมิคุ้มกันโรคถือเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ตนเองและภูมิคุ้มกันหมู่ อีกทั้งยังเป็นการช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด–19 ได้อีกด้วย