คิดแบบสยามพิวรรธน์ ชูอีโคซิสเต็มสร้างธุรกิจไร้ขีดจำกัด

สยามพิวรรธน์

กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีกชั้นนำ เจ้าของ และผู้บริหารสยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์, สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม และสยาม พรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพฯ ภายใต้วิสัยทัศน์ผู้นำความคิดสร้างสรรค์ (The Visionary ICON) ได้ประกาศความสำเร็จผลประกอบการของทั้งกลุ่มเติบโตทะลุเป้าในไตรมาส 4/2564

โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มลักเซอรี่แบรนด์ที่เติบโตแบบก้าวกระโดดตลอดระยะเวลา 2 ปี เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำที่ครองฐานกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูงมากที่สุดในประเทศไทย ทั้งนั้นเพื่อสะท้อนภาพการบริหาร

และกลยุทธ์ด้วยความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม พร้อมกับเดินหน้ากลยุทธ์ Collaboration to Win ผนึกกำลังกับคู่ค้า และพันธมิตรสร้างระบบนิเวศธุรกิจพรีเมี่ยมระดับโลก เป็น ecosystem เพื่อก้าวไปสู่การปฏิวัติวงการและนำเสนอความแปลกใหม่ก่อนใคร จนทำให้ธุรกิจเติบโต และยั่งยืน

“มยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์” กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายองค์กรสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เปิดเผยว่า สยามพิวรรธน์ประสบความสำเร็จอย่างสูงในปี 2564 สามารถสร้างรายได้ทะลุเป้าหมายที่วางไว้ถึง 15% ในไตรมาส 4/2564

ซึ่งเป็นผลจากการปรับแผนกลยุทธ์การตลาด และการขายออกสู่ทุกแพลตฟอร์มตลอดทั้งปี มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูง ผ่านการสร้างบริการโซเชียล และอีคอมเมิร์ซที่บริษัทดำเนินการเพื่อช่วยขายสินค้าให้บรรดาร้านค้าและพันธมิตร จนขยายฐานลูกค้าครอบคลุมต่างจังหวัดสำเร็จ

“ทั้งยังขยายช่องทางการจำหน่ายครบรูปแบบออมนิแชนเนล รวมทั้งการเปิดตัว ONESIAM SuperApp เมื่อปลายปี 2564 ผลักดันให้ยอดซื้อในส่วนของกลุ่มลูกค้าสมาชิกเพิ่มขึ้นกว่า 45% จากปี 2563 แม้ปีผ่านมา สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง

แต่สินค้ากลุ่มลักเซอรี่แบรนด์ทุกประเภทต่างได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้าคนไทยล้วน ๆ ที่มีกำลังซื้อสูงในทุกศูนย์การค้า โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ จนทำให้ตอกย้ำสยามพารากอน และไอคอนสยาม เป็น destination ของ luxury brand ทางด้านสินค้าแฟชั่น, accessories นาฬิกา และเครื่องประดับชั้นสูงมากที่สุดในประเทศ”

“เพราะร้านค้ากลุ่มนี้สร้างยอดขาย และมีอัตราเติบโตสูงเป็นลำดับต้น ๆ ของโลก นอกจากนี้ แบรนด์ดัง ๆ ยังร่วมเปิดพื้นที่เป็น pop-up store เพื่อนำเสนอสินค้าลิมิเต็ดคอลเล็กชั่น ซึ่งได้รับความนิยมจากลูกค้าคนไทยเกินความคาดหมาย

ส่งผลให้ปัจจุบันมียอดจองพื้นที่เพื่อเปิด pop-up store ทุกเดือน และเต็มตลอดจนถึงปี 2566 แล้ว อีกทั้งสยามพิวรรธน์ยังร่วมมือกับพันธมิตรในอีโคซิสเต็ม ช่วยบริหารจัดการลูกค้ากำลังซื้อสูงของทุกรายให้ได้สิทธิประโยชน์ที่เงินซื้อไม่ได้ ด้วยการเติมเต็มประสบการณ์เหนือความคาดหมายมากขึ้น”

“อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้รายได้ของกลุ่มสยามพิวรรธน์เติบโตเกินเป้าในไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 คือ กลุ่มวันสยาม (ONESIAM) ที่สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ ปรับเปลี่ยนพื้นที่โดยมีผู้เช่ารายใหม่ ๆ เข้ามาสร้างสีสัน ซึ่งเป็นแรงดึงดูดลูกค้าให้มาใช้บริการมากในไตรมาสสุดท้ายของปี

อีกทั้งการสร้างแพลตฟอร์ม ONESIAM SuperApp ที่เปิดตัวไปเมื่อปลายปี 2564 ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนที่ช่วยกระตุ้นยอดการจับจ่ายใช้สอย

รวมทั้งทำให้เข้าถึงการขยายตลาดสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่เจเนอเรชั่น Y และ Z โดยในปีนี้ กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ตั้งเป้าว่าจะสร้างยอดขายในกลุ่มสมาชิกให้เติบโตโดยรวมเพิ่มขึ้นกว่าเดิม 30%”

“มยุรี” กล่าวต่อว่า ปัจจัยแห่งความสำเร็จที่สำคัญคือ กลยุทธ์ Collaborate to Win ของสยามพิวรรธน์ ที่มุ่งมั่นขยายระบบนิเวศธุรกิจพรีเมี่ยมระดับโลก (ecosystem) อย่างเต็มสปีด

เรามองข้ามการแข่งขันระดับประเทศ เดินหน้าสู่โลกใหม่ของธุรกิจที่สามารถขยายไปได้อย่างไร้พรมแดน เพราะเราวางจุดยืนให้ธุรกิจในเครือของสยามพิวรรธน์ต้องนำเสนอประสบการณ์แปลกใหม่ ยิ่งใหญ่ในทุกมิติ ทั้งในโลกจริง และโลกเสมือนจริง

“โดยมีเป้าหมายคือการเป็นที่หนึ่งในใจลูกค้าทั้งคนไทย และทั่วโลก สยามพิวรรธน์ได้รับการยอมรับจากพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งทั้งในประเทศ และต่างประเทศ มีความร่วมมือกันมาอย่างยาวนาน และพร้อมที่จะก้าวไปกับสยามพิวรรธน์ เพื่อปฏิวัติวงการและนำเสนอความแปลกใหม่ก่อนใคร”

ภายใต้กลยุทธ์ “Collaborate to Win”ที่สยามพิวรรธน์ผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตร และคู่ค้าที่แข็งแกร่ง จนเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจอย่างไร้ขีดจำกัด กระทั่งเป็นอีโคซิสเต็มที่แข็งแกร่ง ประกอบด้วย

หนึ่ง Accelerate Innovation and Enhance Capabilities การผนึกศักยภาพพันธมิตรที่แข็งแกร่งเข้ามาเสริมศักยภาพด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรม เติมเต็มช่องว่างทางธุรกิจเพื่อให้เราสามารถดำเนินธุรกิจสู่อนาคต

ที่จะช่วยรับมือกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในยุคปัจจุบัน ทำให้องค์กรสามารถบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สอง New Opportunity, New Growth Engine ผนึกกำลังกับพันธมิตรที่เพิ่มโอกาสทางธุรกิจสร้างการเติบโต จนสามารถร่วมทุนในรูปแบบใหม่ที่สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน แลกเปลี่ยนองค์ความรู้แขนงต่าง ๆ ที่ช่วยสนับสนุนธุรกิจ

รวมทั้งการขยายฐาน และเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่มากขึ้น ซึ่งในอนาคตสยามพิวรรธน์มีแผนที่จะเข้าไปรับบริหารลูกค้าให้กับพันธมิตรใน ecosystem

สาม Unlimited Experiences จับมือพันธมิตรเชื่อมประสบการณ์โลกคู่ขนานออฟไลน์-ออนไลน์ ส่งมอบจักรวาลแห่งประสบการณ์ที่ไม่สิ้นสุด และเสริมความแกร่งให้กับ ONESIAM SuperApp

และหน่วยธุรกิจต่าง ๆ ที่ไม่ใช่เพียงเรื่องการจับจ่ายใช้สอย แต่หมายรวมถึงการสร้างประสบการณ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้รับความพึงพอใจสูงสุด พร้อมเชื่อมต่อแพลตฟอร์มเข้ามาในระบบนิเวศของสยามพิวรรธน์

จนทำให้สยามพิวรรธน์ประสบความสำเร็จในวันนี้