เร่งปราบนายหน้าเถื่อนระบาด หลอกคนที่อยากไปทำงานต่างประเทศ

นายหน้าเถื่อนระบาด หลอกเก็บค่าหัวไปทำงานเกาหลีใต้-ออสเตรเลีย

สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกรมการจัดหางาน ปราบปรามนายหน้าเถื่อนหลอกที่อยากไปทำงานต่างประเทศผ่านสื่อโซเชียล

วันที่ 22 เมษายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีนายหน้าเถื่อนระบาด หลอกลวงคนไทยที่ต้องการหางานในต่างประเทศผ่านระบบอินเตอร์เน็ต โดยใช้แพลตฟอร์ม Facebook, TikTok, Twitter และแอปพลิเคชัน Line พลตำรวจโท สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและคณะ จึงเดินทางเข้าพบเพื่อหารือร่วมกับนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน อย่างเร่งด่วน ถึงแนวทางการตรวจสอบและดำเนินคดีผ่านทางระบบอินเตอร์เน็ตและเครือข่ายสังคมออนไลน์ ณ ห้องประชุมตรีเทพ 1 ชั้น 12 กรมการจัดหางาน เมื่อวานที่ผ่านมา (21 เมษายน 2565)

นายไพโรจน์ เปิดเผยว่า จากกรณีพบสายและนายหน้าเถื่อนระบาดหลอกลวงคนไทยที่ต้องการหางานในต่างประเทศผ่านระบบอินเตอร์เน็ต โดยโพสต์โฆษณาชักชวนและรับสมัครคนหางานไปทำงานต่างประเทศจำนวนมากด้วยวิธีผิดกฎหมาย อาทิ การเดินทางไปทำงานเกษตรในเครือรัฐออสเตรเลีย งานนวดสปาในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และการหลอกลวงไปทำงานชาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีคนหางานหลงเชื่อทำให้สูญเงินจำนวนมาก

โดยหลังการหารือได้ข้อสรุปว่า กระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งดำเนินการใน 3 มาตรการเร่งด่วน ประกอบด้วย

1. ด้านการป้องกัน โดยมีการจัดอบรม/ให้ความรู้ความเข้าใจกับคนหางานผู้ถูกระงับการเดินทาง ผู้นำชุมชน บุคคล/นิติบุคคล ที่เกี่ยวข้องกับการไปทำงานต่างประเทศ และตรวจสอบการดำเนินการของบริษัทจัดหางานทั่วประเทศ เพื่อป้องกันมิให้ฝ่าฝืนกฎหมาย รวมทั้งเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบการเดินทางไปทำงานต่างประเทศของคนหางาน ณ ด่านตรวจคนหางาน

Advertisment

2.ด้านการปราบปราม ตรวจสอบ ติดตามผู้มีพฤติการณ์หลอกลวงคนหางาน และดำเนินคดีผู้ฝ่าฝืน พ.ร.บ.จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

3. ด้านการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ โดยรณรงค์และประชาสัมพันธ์อย่างเข้มข้น ต่อเนื่องและทั่วถึง เพื่อให้คนหางานและผู้ที่สนใจจะไปทำงานในต่างประเทศมีความรู้ความเข้าใจถึงขั้นตอนการไปทำงานต่างประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และข้อควรระวังก่อนเดินทางไปทำงานต่างประเทศ โดยนอกจากการใช้สื่อวิทยุ โทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์ จะมีการใช้สื่อออนไลน์ Facebook, TikTok และ Twitter ที่คนหางานส่วนใหญ่เข้าถึงได้

และยังมอบหมายให้สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 1-10 สำนักงานจัดหางานจังหวัดทั่วประเทศ ประสานผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อท้องถิ่น หอกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน เอกสารแผ่นพับ เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ห่างไกล มีความรู้เท่าทันกลุ่มมิจฉาชีพ

“ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน สุชาติ ชมกลิ่น ห่วงใยคนหางานที่ถูกหลอกลวง โดยมีข้อสั่งการให้กรมการจัดหางานเร่งตรวจสอบผู้มีพฤติกรรมกระทำการโฆษณาจัดหางาน และชักชวนคนไทยให้เดินทางไปทำงานต่างประเทศผ่านทางระบบอินเตอร์เน็ตและเครือข่ายสังคมออนไลน์ หากสืบสวนพบการกระทำความผิดให้เจ้าหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนท้องที่เพื่อดำเนินคดีต่อไป

Advertisment

ทั้งนี้ขอย้ำว่า การโฆษณาจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมการจัดหางาน มีความผิดตามระเบียบกระทรวงแรงงานว่าด้วยการโฆษณาการจัดหางานต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และผู้ใดหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางาน หรือส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้ โดยการหลอกลวงนั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง ต้องระวางโทษจำคุก 3-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 60,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” อธิบดีกรมการจัดหางานกล่าว