กรมป่าไม้ เผย ที่ดิน น.ส.3 ก ของ “แอ๊ด คาราบาว”

แอ๊ด คาราบาว
ภาพจาก มติชนออนไลน์

กรมป่าไม้ เผยผลตรวจสอบการครอบครองที่ดิน น.ส.3 ก ทั้ง 2 แปลงของ “แอ๊ด คาราบาว” ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ รวมทั้งไม่ได้อยู่ในพื้นที่ดิน เขตป่าไม้ถาวร พ.ศ. 2484 

วันที่ 1 ธันวาคม 2565 กรณีที่นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) นำโดยนายธนวัฒน์ สนิทศักดิ์ดี ผู้อำนวยการ ป.ป.ท.เขต 1 นำหนังสือร้องเรียนและเอกสารต่าง ๆ ที่ได้รับมาจากประชาชนเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.สัมพันธ์ หมื่นพินิจ รองสว. (สอบสวน) สภ.หินซ้อน เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2565 ที่ผ่านมา

เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายยืนยง โอภากุล หรือแอ๊ด คาราบาว นักร้องเพื่อชีวิตชื่อดัง ครอบครองที่ดิน น.ส.3 ก รวม 35 ไร่ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าทับกวาง-มวกเหล็ก จ.สระบุรี แปลงที่ 1 โดยได้แจ้งความดำเนินคดีกับ “แอ๊ด คาราบาว” 2 ข้อหาคือ ออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ / และบุกรุกครอบครองพื้นที่ป่าไม้ถาวร พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และ แจ้งความกล่าวโทษเจ้าพนักงานป่าไม้ฐานละเว้น (157)

โดยนายวีระได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านเมื่อเดือน ต.ค. 2565 ให้มาตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่า “ทับกวาง-มวกเหล็ก” เพราะชาวบ้านไม่สามารถใช้พื้นที่ได้ เนื่องจากมีการสร้างประตูรั้วเหล็กกั้นไม่ให้เข้า-ออก และอ้างว่าเป็นที่ดินส่วนบุคคล จึงประสาน ป.ป.ท.ให้มาตรวจสอบ จนพบว่ามีการออกใบจอง น.ส.1 เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2534 และออก น.ส.3 ก เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2535 ซึ่งถือว่าผิดปกติ

เพราะกระบวนการเร็วเกินไป เดิมมีการออกเอกสารสิทธิ์ 16 ไร่ และพบงอกเป็น 34 ไร่ จึงเชื่อว่าน่าจะออกโฉนดโดยมิชอบ ในกระบวนการนี้จึงตั้งข้อสังเกตว่าขั้นตอนการออกนี้อาจมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน

บริเวณพื้นที่ดังกล่าวมีการใช้ชื่อเชิงธุรกิจท่องเที่ยวว่า “น้ำ ผา ป่าใหญ่” ซึ่งชื่อใน น.ส.3 เป็นชื่อของนายยืนยง โอภากุล หรือแอ๊ด คาราบาว มิได้ทำการเกษตรแต่อย่างใด และจากการตรวจสอบอย่างไม่เป็นทางการพบว่าเป็นพื้นที่ป่าไม้ถาวร บางส่วนเป็นป่าสงวนแห่งชาติ และพบว่ามีการะเบิดเขา เพื่อเปิดเส้นทางขึ้นภูเขาระยะทางประมาณ 500 เมตร เป็นพื้นที่มีความลาดชัน มีต้นไม้ปกคลุม ล้อมรอบด้วยภูเขาหินปูนและแม่น้ำป่าสัก

นอกจากนี้ แอ๊ด คาราบาว ได้ทำเรื่องการท่องเที่ยวแบบแอดเวนเจอร์ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีการแจ้งความคนขับรถแบ็กโคที่เคยมาระเบิดภูเขาหินปูนมาแล้ว แต่ตอนนั้นกรมป่าไม้ไม่ได้เข้ามาสำรวจ และปล่อยให้มีการเทคอนกรีต สร้างรั้วเหล็ก ทั้งที่มีหน้าที่คืนสภาพป่าบุกรุกให้กลับคืนสภาพดังเดิม

ล่าสุดข่าวสดรายงานว่า นายชีวะภาพ ชีวะธรรม รองอธิบดีกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องนี้แบ่งออกเป็น 2 กรณีคือ กรณีที่เป็นที่ดิน น.ส.3 ก จำนวน 2 แปลง จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิค พบแล้วว่าไม่ได้อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งที่มาของการออกเป็นเอกสารสิทธิ์ น.ส.3 ก นั้น เดิมมาจากเอกสารสิทธิ์ สค.1 ซึ่งการออกเป็นเอกสาร น.ส.3 ก นั้น ต้องไปตามต่อที่กรมที่ดิน ว่าออกมาได้อย่างไร

อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 แปลง ตรวจสอบพิกัดแล้ว ไม่ได้อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติแน่นอน รวมทั้งไม่ได้อยู่ในพื้นที่ดิน เขตป่าไม้ถาวร พ.ศ. 2484 ด้วยเช่นเดียวกัน

ส่วนกรณีที่อ้างว่ามีการเช่าที่ดินจาก นายยืนยง ในส่วนที่อยู่ติดกับ 2 แปลง ดังกล่าว ที่ร้องกันว่าเจ้าของที่ได้ทำประตูปิดกั้นเอาไว้ไม่ให้ชาวบ้านเข้าไปหาหน่อไม้ ทั้งที่เป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาตินั้น สำหรับบริเวณนี้พบว่าอยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่ามวกเหล็ก-ทับกวางจริง แต่การเข้าไปทำรั้วปิดกั้นการเข้าไปใช้พื้นที่ของชาวบ้านนั้น เกิดจากกลุ่มบริษัทต่างชาติที่เข้าไปใช้พื้นที่ คาดว่าจะทำกิจกรรมแอดเวนเจอร์ อย่างไรก็ตาม กรมป่าไม้จะตรวจสอบสอบถามไปยังกรมที่ดินว่าออกเอกสารสิทธิ์มาได้อย่างไร