Dream Theater Live in Bangkok บทพิสูจน์เทพดนตรีตัวจริง โชว์โหด 3 ชั่วโมงเต็ม

นี่เป็นการเดินทางมาแสดงที่เมืองไทยครั้งที่ 4 แล้ว สำหรับวงโปรเกสซีฟร็อค/เมทัลจากอเมริกา Dream Theater (ดรีม เธียเตอร์) กับการออกทัวร์ครั้งสำคัญ ในโอกาสครบรอบ 25 ปี Images and Words อัลบั้มที่สร้างชื่อให้พวกเขาขึ้นสู่แถวหน้าของวงการดนตรี ในชื่อทัวร์ Images, Words & Beyond 25th Anniversary Tour ที่ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี เมื่อคืนวันที่ 27 กันยายน ที่ผ่านมา

เมื่อมีคำว่า ‘ครบรอบ 25 ปี’ พ่วงท้าย เท่ากับว่ากลุ่มคนดูที่มีประสบการณ์ร่วมน่าจะมีอายุอย่างต่ำ ๆ 30 ปีขึ้น และด้วยความที่เป็นบัตรราคาเดียวทั้งนั่งและยืน ที่นั่งโดยรอบจึงถูกจับจองเต็มอย่างรวดเร็ว ส่วนพื้นที่บันเทิงกลางฮอลล์เป็นของคนสูงวัยแต่ไฟยังมี บวกกับวัยรุ่นที่รักดนตรีแขนงนี้และยังชมชอบฝีไม้ลายมือของวงดนตรีรุ่นเก๋านี่อยู่

เวลาตามที่ระบุในบัตรคือ 20.00 – 23.00 น. ซึ่งตามปกติเวลามีคอนเสิร์ตต่างประเทศมาเล่นในเมืองไทย ตัวเลขแรกมักเป็นเวลาเปิดประตูให้คนเต็มพื้นที่แล้ววงจึงเริ่มเล่น แต่งาน Dream Theater ถือว่าเคร่งครัดเรื่องเวลามาก เพราะ 20.00 น. ทางวงก็ขึ้นบรรเลงเพลงแรก The Dark Eternal Night ทันที บรรดาคนดูที่ยืนถือเครื่องดื่มอยู่ด้านนอกจึงรีบต่อแถวผ่านประตูอย่างรวดเร็ว

ที่ด้านนอก มีการประกาศห้ามการบันทึกภาพ เสียง และวิดีโอใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งไม่ต่างจากงานอื่นที่มีบรรทัดฐานแบบนี้ แต่ไม่ได้ใช้แบบจริงจัง Images, Words & Beyond 25th Anniversary Tour นั้นต่างออกไป เพราะมีเจ้าหน้าที่ส่องเลเซอร์ชี้เป้าไปยังคนดูที่ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่าย แล้วเจ้าหน้าที่อีกคนจะเดินเข้าไปเตือน แม้การเก็บความบันเทิงและบรรยากาศกลับบ้านเป็นการส่วนตัวแบบเดิม ๆ อาจจะลดลงไปบ้าง แต่บรรทัดฐานแบบนี้ก็เป็นเรื่องดี ที่แสดงให้เห็นว่าทางวงและคนดูรับรู้ร่วมกติการ่วมกัน เคารพซึ่งกันและกัน

จำนวนเพลงที่ระบุใน set list คือ 23 เพลง ไลฟ์คืนนี้ใช้เวลาเต็มสามชั่วโมง แปดเพลงแรกสำหรับคำว่า ‘Beyond’ ที่ปรากฏในชื่อทัวร์ คือไม่ได้อยู่ในอัลบั้มดังในปี 1992 อย่าง Hell’s Kitchen, Our New World และเพลงดังที่เรียกเสียงร้องจากคนดูได้ไม่น้อย As I Am ที่แทรกด้วยบางท่อนจาก Enter Sandman ของ Metallica

เนื่องจากเป็นคอนเสิร์ตที่มีความยาวสามชั่วโมงอย่างเถรตรงแท้จริงตามที่บัตรระบุ ไม่เหมือนไลฟ์อื่นที่เคยดู ด้วยวัยของวงที่อยู่ในช่วงเกิน 50 บวกกับสมาธิและเรี่ยวแรงของคนดูไม่น่าจะจบรวดเดียวสามชั่วโมงได้ งานนี้จึงมีเวลาพักครึ่ง 20 นาทีให้ทุกคนได้พักหายใจหายคอและจัดหาเครื่องดื่มจากสปอนเซอร์ด้านนอก

เข้าสู่องก์ที่สอง นี่คือไฮไลต์ของการทัวร์ที่ทางวงและผู้ชมควรเก็บพลังมาปล่อยให้เต็มที่ กับเพลงจากอัลบั้ม Images and Words ไล่เรียงมาตามลำดับแทร็ค Pull Me Under เพลงชาติของวงที่ทำให้คนไทยส่วนหนึ่งรู้จักกับ Dream Theater แน่นอนว่าทุกคนร้องตามได้ อย่างน้อยก็ท่อนฮุค ตามด้วยอีกหนึ่งเพลงฮิต Another Day และไล่ไปตามลิสต์ที่ทำให้คนดูหมดเสียงและเมื่อยคอ ปิดท้ายด้วย Learning to Live เรียกได้ว่าครบถ้วน เพราะ Images and Words คืออัลบั้มที่หลายคนพูดกันมาตั้งแต่ยุคเทปแล้วว่า ฟังได้ทั้งชุด โดยไม่ต้องกรอข้ามเพลงใดเพลงหนึ่งไปเลย

และยังไม่จบแค่นั้น เวลา 23.00 ยังมาไม่ถึง อังกอร์จึงเริ่มขึ้นหลังไฟที่มืดดับกลับมาสว่างขึ้น A Change of Seasons ถูกบรรเลงยาวตั้งแต่พาร์ทแรก The Crimson Sunrise จนถึงพาร์ทสุดท้าย VII. The Crimson Sunset จึงสิ้นสุดการแสดง ทั้ง 5 เทพแห่งวง Dream Theater อำลาคนดูไปพร้อมกับความประทับใจเต็มอิ่ม