คุยกับ “ยอนซังโฮ” ผู้กำกับ “Train to Busan: Peninsula” ที่กำลังสร้างกระแสซอมบี้คลั่งอีกครั้ง

ยอนซังโฮ ถือเป็นผู้กำกับเกาหลีหน้าใหม่ที่น่าจับตามองมากที่สุด และเป็นผู้กำกับที่ไม่เคยหยุดท้าทายความสามารถ หลังจากที่ผลงานของเขาเคยสร้างปรากฏการณ์ซอมบี้เกาหลีให้ระเบิดคลั่งมาแล้วทั่วโลก จาก Train to Busan นับเป็นการประกาศศักดา K-Zombie ให้โลกได้รับรู้ ทำลายทุกสถิติโดยภาพยนตร์ถูกฉายกว่า 160 ประเทศทั่วโลก ทำรายได้กว่า 140 ล้านเหรียญสหรัฐ ขึ้นทำเนียบภาพยนตร์เกาหลีที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล รวมถึงภาพยนตร์อ Seoul Station ที่บอกเล่าเรื่องราวต้นกำเนิดซอมบี้ด้วยแอนิเมชัน เป็นจุดกำเนิดจักรวาลหนังซอมบี้เกาหลีที่ระบาดคลั่งไปทั่วโลก

จากความสำเร็จของ Train to Busan ถูกสานต่อมาสู่ “Train to Busan: Peninsula ฝ่านรกซอมบี้คลั่ง” ผลงานเรื่องที่ 3 ของหนังไตรภาค K-Zombie ที่ครองอันดับ 1 บ็อกซ์ออฟฟิศในหลายประเทศไปแล้ว และกำลังเข้าฉายในประเทศไทยในวันที่ 23 กรกฎาคมนี้

“Train to Busan: Peninsula ฝ่านรกซอมบี้คลั่ง” เล่าเหตุการณ์ 4 ปีหลัง Train to Busan ถือเป็นการต่อยอดการระบาดของซอมบี้ที่กลืนกินทั่วคาบสมุทรเกาหลีหลังจากทั่วทั้งภูมิภาคโดนฝูงซอมบี้เข้ายึดครอง

หนังว่าด้วยเรื่องราวของชายที่หวนคืนแผ่นดินบ้านเกิด, กลุ่มผู้รอดชีวิตที่ไม่เคยจากไปไหน, กลุ่มคนวิปริตเพราะสภาพแวดล้อมอันโหดร้าย และการทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชีวิตรอดจากความบ้าคลั่งของฝูงซอมบี้ที่สามารถสู้แสงได้มากกว่าเดิมแบบทวีคูณ

“ผมอยากเล่าเรื่องของเกาหลีหลังการระบาดของฝูงซอมบี้ที่อยู่ทั่วทุกที่ มนุษย์ที่มีชีวิตรอดจะอยู่ยังไงในสังคมที่มีกรอบชัดเจน การรับมือกับโลกใหม่ที่แสนป่าเถื่อน ถ้าโลกที่เขาอยู่มีแต่ฝูงซอมบี้และมนุษย์ที่ไม่มีมนุษยธรรม คุณจะได้พบกับการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดของมนุษย์ในยุคหลังโลกล่มสลาย” ยอนซังโฮกล่าว

ก่อนจะไปชมความมันของการต่อสู้ และความคลั่งของเหล่าซอมบี้ เราขอพาไปคุยกับผู้กำกับคนเก่งที่เคยสร้างผผลงานเป็นที่ประทับใจผู้ชมมาแล้ว

Q : Train to Busan ถือเป็นภาพยนตร์บล็อคบัสเตอร์ที่ประสบความสำเร็จทั่วโลก ในฐานะผู้กำกับรู้สึกกดดันแค่ไหนกับการทำภาพยนตร์ Train to Busan: Peninsula

ถ้าจะบอกว่าไม่กดดันก็คงจะโกหกครับ ผมคิดว่าหลายคนคงอยากรู้เรื่องราวหลังจาก Train to Busan ตัวผมเองอยากจะตอบแทนผู้ชมมากกว่าเรื่องของความสำเร็จในการทำภาพยนตร์ภาคต่อให้ประสบความสำเร็จเท่ากับภาคแรกครับ ผมได้เปิดมุมมองใหม่ใน Train to Busan ไปแล้ว สำหรับใน Train to Busan: Peninsula  ผมวางแผนไว้ว่าจะขยายมุมมองให้ใหญ่ขึ้น ซึ่งอันนี้คือจุดที่ผมรู้สึกเต็มที่มาก ๆ  การเปิดขยายมุมมองไม่ได้กดดันสำหรับผม แต่มันทำให้ผมรู้สึกสนุกมากครับ

Q : ด้วยทุนสร้างที่สูงกว่า Train to Busan อะไรคือความแตกต่างจากภาคแรก แล้วอะไรคือสิ่งที่คาดหวังว่าผู้ชมจะได้เห็นจาก Train to Busan: Peninsula

อย่างแรกเลยก็คือผู้ชมจะได้เข้าไปสัมผัสประสบการณ์ในพื้นที่ที่ไม่รู้จัก ที่เรียกว่า Peninsula ในช่วงเวลา 4 ปีผ่านไป กับเรื่องราวของตัวละครที่ชื่อ “จองซอก” ครับ ใน Train To Busan ผู้ชมตื่นตัวไปกับจุดเริ่มต้นของเชื้อไวรัสที่เราไม่รู้จักที่เกิดในสถานที่ที่เราใช้ชีวิตประจำวัน แต่สำหรับ Train to Busan: Peninsula จะเกิดในสถานที่ที่เราไม่คุ้นเคย ไม่รู้จักมาก่อน และผู้ชมก็จะมีส่วนร่วมในการสำรวจโลกนี้ไปพร้อมกับตัวละครหลัก ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากครับ

Q : คุณมีเหตุการณ์ความประทับใจในการทำงานกับนักแสดงในด้านไหนบ้าง

ประทับใจมาก เพราะผมคิดว่าภาพลักษณ์และอารมณ์ของ Train to Busan: Peninsula จะถูกถ่ายทอดผ่านนักแสดงครับ โดยรวมแล้วผมคิดว่าพวกเขาเป็นนักแสดงที่เหมาะสมกับภาพยนตร์ตามที่ผมคิดไว้ครับ ในด้านการทำงาน อย่างของ คุณคังดงวอน ที่รับบทจองซอกก็สามารถถ่ายทอดซีนแอคชั่นได้ยอดเยี่ยม ไม่แค่เฉพาะความแอคชั่น แต่ยังใส่อารมณ์ของตัวละครลงไปในการเล่นแอคชั่นแต่ละซีนได้อย่างสมบูรณ์แบบ ดังนั้นอารมณ์ส่วนใหญ่ใน Train to Busan: Peninsula จึงเปรียบเสมือนอารมณ์ทั้งหมดของจองซอกครับ

สำหรับ คุณอีจองฮยอน ที่รับบทมินจอง หญิงสาวที่แข็งแกร่ง มีบุคลิคเหมือนกับนักรบหญิงและยังเป็นคุณแม่ที่มีหลายแคแรกเตอร์อยู่ในคนคนเดียว ผมคิดไว้ตั้งแต่แรกว่าจะต้องเป็นคุณอีจองฮยอนคนเดียวเลยครับ เพราะผมคิดว่าการหาคนที่มีแคแรกเตอร์หลากหลายเหมือนคุณอีจองฮยอนยากมากครับ อย่างตอนที่ผมต้องการหาจุนอี ซึ่งเป็นตัวละครที่เป็นกุญแจสำคัญของเรื่อง และพวกเราก็ได้พบกับคุณอีเร ตอนนั้นผมดีใจมากที่หาคนที่มีความเหมาะกับแคแรกเตอร์จุนอีได้ครับ คุณอีเรแสดงก็ออกมายอดเยี่ยมเป็นที่น่าพอใจมาก ไม่ว่าจะเป็นการแสดงฉากแอคชั่นหรือซีนอารมณ์ ผมรู้สึกขอบคุณมาก หลังจากที่ผมดูหนังจบ ผมจินตนาการไม่ออกเลยครับว่าถ้าเป็นนักแสดงคนอื่นหนังจะออกมาเป็นอย่างไร ผมรู้สึกโชคดีมากครับ

Q : อะไรที่คุณให้ความสนใจมากที่สุดในการถ่ายทำ

จริง ๆ แล้วผมให้ความสำคัญและตั้งใจทำหนังเรื่องนี้ทุกส่วนเลยครับ ส่วนไฮไลต์ของหนังเรื่องนี้จะแตกต่างจากเรื่องก่อนหน้านี้ ฉากการขับรถไล่ล่าที่อยู่ในครึ่งหลังของหนัง ผมตั้งใจมาก เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกอินเหมือนได้ขับรถไล่ล่าในดินแดนหลังวันสิ้นโลกครับ

Q : มุมมองความเป็นมนุษย์ใน Train to Busan: Peninsula มีความแตกต่างอย่างไรกับ Train to Busan

สิ่งที่เกิดขึ้นในดินแดนหลังวันสิ้นโลกจะมีความขัดแย้งกับความเป็นมนุษย์โดดเด่นมากครับ มนุษย์ผ่านพ้นช่วงที่โลกพังพินาศ เราพยายามให้ภาพยนตร์ถ่ายทอดภาพและความหมายออกมาแบบนั้นครับ

Q : รู้สึกอย่างไรที่หนังของคุณได้รับเลือกไปฉายที่เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์อีกครั้ง

เทศกาลหนังเมืองคานส์คือความฝันของผมตั้งแต่ตอนเริ่มทำหนังครับ พอเทศกาลหนังเมืองคานส์เลือกหนังเราไปอีกครั้งหลังจาก Train to Busan ผมรู้สึกขอบคุณและเป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ

Q : ปิดท้ายฝากผลงานภาพยนตร์ Train to Busan: Peninsula

Train to Busan: Peninsula  เป็นหนังที่เหมาะจะไปดูในโรงภาพยนตร์มาก ๆ ครับ ผมคิดว่าคงจะมีใครหลายคนที่ตื่นเต้นและรอคอยภาพยนตร์เรื่องนี้ หวังว่าทุกคนจะได้ชมผลงานของเราในโรงภาพยนตร์อย่างปลอดภัยนะครับ