“เบสท์เวสเทิร์น” ปักธงรัชดาฯ จับลูกค้าจีน

เบสท์เวสเทิร์น

“เบสท์ เวสเทิร์น” ปักหมุดทำเลรัชดาฯ เจาะตลาดลูกค้าจีน ชี้ดีมานด์การเข้าพักของนักท่องเที่ยวย่านถนนรัชดาฯมีสูง การแข่งขันราคาไม่รุนแรง เล็งขยายกลุ่มลูกค้าสู่กลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาจีน-ยุโรป ชี้กำลังการซื้อที่สูง แจงมาตรการฟรีวีซ่าจีนยังส่งผลบวกไม่ชัดเจน

นายภัทรพงศ์ บุญเกลือ ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมเบสท์ เวสเทิร์น รัชดา เปิดเผยว่า โรงแรมเบสท์ เวสเทิร์น รัชดา (Best Western Ratchada Hotel) เปิดตัวเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ใช้งบประมาณในการลงทุนไปราว 500-600 ล้านบาท มีจำนวนห้องพัก 120 ห้อง แบ่งเป็นห้องซูพีเรียร์ จำนวน 104 ห้อง ตั้งอยู่บริเวณซอยรัชดาภิเษก 3 ใกล้รถไฟฟ้าใต้ดินสถานีพระราม 9 ราว 750 เมตร

โดยเดือนกันยายน 2566 มีอัตราการเข้าพักที่ราว 57% สัดส่วนลูกค้าที่เข้าพักเป็นชาวจีน 75% ชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ใช้ภาษาจีน 25% ส่วนใหญ่มีระยะเวลาเข้าพักประมาณ 2 คืน และลูกค้าที่เข้าพัก 100% เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตนเอง (FIT)

นายภัทรพงศ์กล่าวว่า ปัจจัยที่ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนนั้น เนื่องจากทำเลที่ตั้งของโรงแรมในย่านรัชดาฯ มีสถานที่ท่องเที่ยวอันเป็นที่นิยมของชาวจีน และด้วยตำแหน่งที่ตั้งอยู่ในซอยรัชดาภิเษก 3 อาจยังไม่เหมาะกับการเดินทางเข้าออกของรถทัวร์เท่าไหร่นัก

“ย่านถนนรัชดาภิเษกมีโรงแรมหลายแห่ง แม้ราคาห้องพักของเราจะแข่งขันได้ แต่เราต้องการดูแลลูกค้ามากขึ้น โรงแรมอาจใช้กลยุทธ์ลดราคาลงมาเล็กน้อย ส่วนตัวไม่น่ามีปัญหากับผลประกอบการ เนื่องจากจำนวนผู้เข้าพักที่เพิ่มขึ้น บวกกับการควบคุมต้นทุน จะยังให้ผลการดำเนินงานดีอยู่”

นอกจากนี้ ยังประเมินว่าในย่านถนนรัชดาภิเษกยังมีความต้องการเข้าพักของนักท่องเที่ยวอยู่ การแข่งขันราคาอาจไม่ได้แข่งขันกันรุนแรงมาก ต่างจากย่านราชประสงค์ หรือสุขุมวิท ที่เริ่มมีซัพพลายโรงแรมมากขึ้น

ภัทรพงศ์ บุญเกลือ
ภัทรพงศ์ บุญเกลือ

นายภัทรพงศ์กล่าวด้วยว่า ในระยะเวลา 3-5 ปีจากนี้โรงแรมต้องการขยายกลุ่มลูกค้าสู่ตลาดกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาจีน เนื่องจากกลุ่มดังกล่าวมีกำลังการซื้อที่สูง รวมถึงตลาดนักท่องเที่ยวยุโรป โดยอาจจับมือกับพันธมิตรแพลตฟอร์มด้านการท่องเที่ยวออนไลน์ (OTA) และผู้ค้าส่งตลาดยุโรป และตลาดลูกค้าองค์กรด้วย

“แม้ในช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมาจะเกิดเหตุเยาวชนชายก่อเหตุยิงในห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และหนึ่งในผู้เสียชีวิตเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน ทำให้เห็นแนวโน้มชะลอตัวของโรงแรมในย่านรัชดาฯอยู่บ้าง แต่ทางโรงแรมเบสท์ เวสเทิร์น รัชดา ยังไม่เห็นการยกเลิกการจอง ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลจากทางการรับมือได้ดี” นายภัทรพงศ์กล่าวและว่า

ปัจจุบันนักท่องเที่ยวชาวจีนยังไม่ออกเดินทางเที่ยวต่างประเทศมากนัก บางส่วนยังเน้นเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ ขณะที่มาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (วีซ่าฟรี) สำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนนั้นยังไม่เห็นผลชัดเจนมากนัก แต่เชื่อว่ามาตรการดังกล่าวจะเห็นผลอีกครั้งในช่วงเทศกาลตรุษจีน

อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าไตรมาส 4/2566 โรงแรมจะมีอัตราการเข้าพักที่ 66% ส่วนปี 2567 กำหนดเป้าหมายว่าต้องการมีสัดส่วนเป็นลูกค้าชาวจีน 70% ชาวไทย 20% และลูกค้าจากประเทศที่ใช้ภาษาจีน 10% มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 75% โดยอาจใช้กลยุทธ์ด้านราคา ลดราคาลงมาอีกสักเล็กน้อย ทั้งนี้ ประเมินว่าโรงแรมแห่งนี้น่าจะสามารถคืนทุนได้ในเวลาประมาณ 10 ปี หรือเร็วกว่านั้น

นายภัทรพงศ์กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ส่วนตัวสนับสนุนการต่ออายุมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (วีซ่าฟรี) แก่นักท่องเที่ยวชาวจีนต่อไป รวมถึงออกกิจกรรมทางการตลาดที่ทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังประเทศไทยรู้สึกคุ้มค่าในการเดินทาง

ส่วนนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำนั้น ปัจจุบันโรงแรมได้จ่ายค่าจ้างในอัตราที่สูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้ว แต่หากมีการปรับขึ้นอัตราค่าแรงสูงอาจขอให้รัฐบาลเพิ่มมาตรการช่วยเหลือ เช่น การลดภาษีที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น