เซ็นทารา มิราจ มุยเน่ มุ่งจับลูกค้ากลุ่ม “ครอบครัว” ทั่วโลก

เซ็นทารา

เมื่อการระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย หนึ่งในเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจที่หลายประเทศพยายามฟื้นฟูให้สามารถกลับมาทำงานได้ตามปกติอีกครั้งคือ “การท่องเที่ยว” เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของการดึงดูดกำลังซื้อจากชาวต่างชาติเข้าสู่ภาคธุรกิจอื่น ๆ ในประเทศด้วย ทั้งสายการบิน ที่พัก โรงแรม ร้านอาหาร ฯลฯ

โดยหนึ่งในประเทศที่ให้ความสำคัญกับการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวไม่แพ้ใครคือประเทศที่มีจุดแข็งด้านประวัติศาสตร์และธรรมชาติอย่าง “เวียดนาม” หมุดหมายการท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก รวมถึงคนไทยด้วยเช่นกัน

11 เดือน นักท่องเที่ยว 11.2 ล้านคน

รายงานข่าวจากการท่องเที่ยวแห่งชาติเวียดนาม (Vietnam National Authority of Tourism หรือ VNAT) ระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนเวียดนามในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-พ.ย. 2566) มีจำนวน 11.2 ล้านคน โดยในเดือนพฤศจิกายน มีนักท่องเที่ยว 1.23 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 11%

โดยเกาหลีใต้ถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดสำหรับเวียดนาม เพราะมียอดนักท่องเที่ยวสะสมถึง 3.2 ล้านคน รองลงมาคือ จีน จำนวน 1.5 ล้านคน, ไต้หวัน 7.58 แสนคน, อเมริกา 6.58 แสนคน, ญี่ปุ่น 5.27 แสนคน และไทย4.42 แสนคน

ประเทศไทยถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ตลาด Long Haul โตแรง

อย่างไรก็ตาม ในเดือนพฤศจิกยน 2566 จำนวนนักท่องเที่ยวจากยุโรปเพิ่มขึ้น 58.5% จากเดือนก่อนหน้า ถือว่าเติบโตมากที่สุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคต่าง ๆ ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายยกเว้นวีซ่าระยะเวลาพำนักชั่วคราวสูงสุด 45 วัน ที่เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2566

เมื่อจำแนกเป็นรายประเทศจะพบว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศที่ต้องเดินทางระยะไกล (long haul) เติบโตจากเดือนก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด เช่น อังกฤษ (36.6%), ฝรั่งเศส (72.5%), เยอรมนี (36.1%), อิตาลี (55.1%), รัสเซีย (41.8%), เดนมาร์ก (32.9%) และสเปน (15.5%) เป็นต้น

พร้อมให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันการท่องเที่ยวในเวียดนามแบ่งออกเป็น 3 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนือ เช่น ฮานอย ฮาลอง ซาปา, ภาคกลาง เช่น ดานัง และภาคใต้ เช่น นครโฮจิมินห์ มุยเน่

ไกด์นำเที่ยวชาวเวียดนามรายหนึ่ง บอกกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ช่วงก่อนโควิดระบาด นักท่องเที่ยวนิยมท่องเที่ยวในภาคใต้มากที่สุด รองลงมาคือ ภาคเหนือ และภาคกลาง แต่หลังจากการระบาดของโควิดเริ่มคลี่คลาย ภาคกลางได้รับความนิยมมากที่สุด รองลงมาคือ ภาคเหนือ และภาคใต้

“ภาคกลางได้รับความนิยมเพราะเดินทางง่าย คนชอบไปถ่ายรูปกับสะพานมือด้วย ส่วนภาคใต้ยังไม่คึกคักเท่าช่วงก่อนโควิด หลัก ๆ อาจเป็นเพราะว่าใช้เวลาเดินทางนาน นั่งรถ 3-4 ชั่วโมง รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ชอบมาเที่ยวเวียดนามใต้ก็ยังไม่มากเท่าแต่ก่อนด้วย”

แม้ว่าภาพรวมการท่องเที่ยวเวียดนามในปัจจุบันจะเริ่มฟื้นตัวจากช่วงโควิด แต่เมื่อเทียบกับช่วงก่อนที่โควิดจะระบาดถือว่ายังคงห่างไกลพอสมควร เนื่องจากในปี 2562 จำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเวียดนามมีถึง 18 ล้านคน

เซ็นทารา

“เซ็นทารา มิราจ มุยเน่” ยิ้ม

แน่นอนว่าการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวย่อมส่งผลดีต่อภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะที่พักและโรงแรม ซึ่ง “เซ็นทารา มิราจ รีสอร์ท มุยเน่” หนึ่งในเชนแบรนด์ธีมรีสอร์ตของเครือเซ็นทาราที่เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ก็เริ่มเห็นถึงกระแสตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยวเช่นกัน

แหล่งข่าวจากเซ็นทารา มิราจ รีสอร์ท มุยเน่ ให้ข้อมูลว่า สำหรับ “เซ็นทารา มิราจ รีสอร์ท มุยเน่” เป็นธีมรีสอร์ทที่มีพื้นที่ 40 เฮกตาร์ (250 ไร่) ตั้งอยู่บนชายหาด ณ อ่าวฮอนรอม ในเมืองมุยเน่ทางภาคใต้ของเวียดนาม ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นอย่างทะเลทรายขาวและทะเลทรายแดง คอนเซ็ปต์การตกแต่งเป็นสไตล์สเปน-เมดิเตอร์เรเนียน มีห้องพักและวิลล่าจำนวน 984 ห้อง

ประกอบด้วย Deluxe เตียง King 220 ห้องพัก Deluxe เตียง Twin 108 ห้องพัก Premium Deluxe เตียง King 179 ห้องพัก Premium Deluxe เตียง King 179 ห้องพัก Premier Pool Access เตียง King 51 ห้องพัก Premier Pool Access เตียง Twin 25 ห้องพัก

Villa One Bedroom Private Pool เตียง King+Twin 64 ห้องพัก Villa Two Bedroom Private Pool เตียง King+Twin 110 ห้องพัก Villa Two Bedroom Private Pool Ocean View เตียง King+Twin 44 ห้องพัก Residence Two Bedroom Private Pool เตียง King+Twin 72 ห้องพัก และ Residence Three Bedroom Private Pool เตียง 2 Kings+Twin 135 ห้องพัก

นอกจากนี้ ภายในรีสอร์ตยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น ห้องอาหารและบาร์ 6 แห่ง เลานจ์สำหรับครอบครัว สนามเด็กเล่น ลานโบว์ลิ่ง ห้องคาราโอเกะ สปา เซ็นวารี สำหรับผู้ใหญ่ และสปา แคนดี้ สปาเด็กแห่งแรกของโลก รวมถึงมีหอชมวิวที่ระดับความสูง 100 เมตร และสวนน้ำที่มาพร้อมเครื่องเล่นธีมเรือใบและสไลเดอร์เป็นแลนด์มาร์กสำคัญ

โดยช่วงไฮซีซั่นของรีสอร์ตแห่งนี้จะอยู่ช่วงปลายเดือนเมษายน-กันยายน

ย้ำรีสอร์ตสำหรับครอบครัว

แหล่งข่าวยังให้ข้อมูลอีกว่า สถานการณ์โควิดมีผลกับการเปิดให้บริการในช่วงแรก เนื่องจากปริมาณนักท่องเที่ยวที่เดินทางจากต่างประเทศเข้ามายังเวียดนามนั้นน้อยลง แต่สถานการณ์ก็ค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ และกลับมาเป็นปกติแล้วในปัจจุบัน

“ตอนนี้กลุ่มลูกค้าของรีสอร์ตกว่า 80% จะยังเป็นนักท่องเที่ยวชาวเวียดนามและกลุ่ม expat หรือชาวต่างชาติที่ถูกส่งมาประจำการที่สาขาต่างประเทศเป็นหลัก แต่เริ่มเห็นแนวโน้มนักท่องเที่ยวจากเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และกลุ่ม long haul เช่น เยอรมนี และออสเตรเลียเพิ่มมากขึ้น”

พร้อมระบุว่า ภาพรวมกระแสตอบรับของรีสอร์ตแห่งนี้ถือว่าดีมาก โดยเฉพาะกับตลาดเวียดนามที่โหวตให้คะแนนรีสอร์ตแห่งนี้เป็นรีสอร์ตที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวในมุยเน่ ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มาเที่ยวกับครอบครัว และกลุ่มเพื่อน