AAV ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2561 กำไรสุทธิ 1,004 ล้านบาท

AAV ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2561 กำไรสุทธิ 1,004.1 ล้านบาท รายได้รวม 11,642.8 ล้านบาท ทำสถิติอัตราส่วนขนส่งผู้โดยสารที่ร้อยละ 91 เดินหน้าขยายเส้นทางบินใหม่ 7 เส้นทาง

บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) ผู้ถือหุ้นใหญ่ บจ. ไทยแอร์เอเชีย (TAA) เผยผลประกอบการในไตรมาสที่ 1 ปี 2561 AAV มีรายได้รวมอยู่ที่ 11,642.8 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,004.1 ล้านบาท ในขณะที่ TAA มีรายได้รวม 11,642.8 ล้านบาท และทำสถิติกำไรสุทธิที่ 1,834.6 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนการขนส่งผู้โดยสาร (Load Factor) อยู่ที่ร้อยละ 91 เพิ่มขึ้น 2 จุด โดยขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ 5.64 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 สูงกว่าปริมาณที่นั่งที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ได้รับมอบเครื่องบินจำนวน 3 ลำในไตรมาสนี้ ส่งผลให้สิ้นสุดไตรมาส 1 ปี 2561 สายการบินมีฝูงบินจำนวนทั้งสิ้น 59 ลำ

นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) และสายการบินไทยแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 1 ปี 2561 นี้ TAA เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากการรุกหนักตลาดภายในประเทศ โดยเฉพาะในเส้นทางเมืองรองตามนโยบายรัฐ และการเพิ่มความแข็งแกร่งในฐานปฏิบัติการการบินต่างๆ โดยในไตรมาส 1 ปี 2561 นี้ TAA เปิดเส้นทางบินใหม่รวม 7 เส้นทาง จากกรุงเทพฯ (ดอนเมือง) ไประนอง, ยะโฮร์ บาห์รู, เฉิงตู และชุมพร รวมถึงจากภูเก็ตไปมาเก๊าและคุนหมิง อีกทั้งจากเชียงใหม่ไปอุดรธานี ทั้งนี้ เพิ่มความถี่บินใน 12 เส้นทางที่ออกจาก กรุงเทพฯ (ดอนเมือง) และ พัทยา (อู่ตะเภา) ในขณะเดียวกัน สายการบินยกเลิกการให้บริการเส้นทางบิน กรุงเทพฯ (ดอนเมือง)-ติรุจิรัปปัลลิ, เชียงใหม่-อุบลราชธานี และอุบลราชธานี-พัทยา (อู่ตะเภา) เพื่อการจัดการรายได้และบริหารการใช้เครื่องบินอย่างเหมาะสม

“ไตรมาสที่ 1 ปี 2561 เป็นช่วงที่เราเดินหน้าตามแผนตอกย้ำการเป็นผู้นำและสร้างความแข็งแกร่งของตลาดภายในประเทศอย่างเต็มที่ ให้สอดคล้องกับทิศทางและนโยบายรัฐและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยไตรมาสที่ 1 นี้เส้นทางบินใหม่ที่ประสบความสำเร็จอย่างดีคือ กรุงเทพฯ (ดอนเมือง) สู่ระนอง และชุมพร ซึ่งทำให้เราเป็นสายการบินที่บินตรงและมีเที่ยวบินครอบคลุมภาคใต้มากที่สุด รวม 9 ปลายทาง 19 เส้นทางบิน 69 เที่ยวบินต่อวัน” นายธรรศพลฐ์กล่าว

สำหรับตลาดระหว่างประเทศ เรายังคงให้ความสำคัญกับกลุ่มประเทศ CLMV ผ่านการเพิ่มความถี่เที่ยวบินเพื่อเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับผู้โดยสารหลากหลายกลุ่ม รวมทั้งมองโอกาสในตลาดอินเดีย ซึ่งมีศักยภาพสูง เพื่อมาเสริมทัพตลาดจีนที่เข้มแข็งอยู่แล้ว เพื่อให้ TAA สามารถเติบโตและมีรากฐานที่พร้อมแข่งขันทุกตลาดในระยะยาว

ด้านผลประกอบการสำหรับ TAA ในไตรมาส 1 ปี 2561 นายธรรศพลฐ์มองว่าเติบโตดีมาก ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเฉพาะกำไรสุทธิของ TAA ที่เติบโตกว่าร้อยละ 77 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีปัจจัยสำคัญมาจากจำนวนผู้โดยสารที่เติบโตต่อเนื่อง และอยู่ในช่วงเทศกาลการท่องเที่ยว กอรปกับปัจจัยบวกจากค่าเงินบาทแข็งค่า รวมทั้งทำสถิติอัตราส่วนการขนส่งผู้โดยสารของไตรมาสนี้ที่ร้อยละ 91 ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าพึงพอใจมาก

สำหรับในไตรมาสที่ 2 ปี 2561 นายธรรศพลฐ์ มองว่า TAA ยังจะเดินหน้าต่อไปอย่างดีตามแผนที่วางไว้ โดยเฉพาะการเพิ่มความถี่เที่ยวบินในเส้นทางที่ได้รับความนิยม โดยปี 2561 นี้ ไทยแอร์เอเชียยังตั้งเป้ายอดผู้โดยสารสูงที่ 23.2 ล้านคน อัตราการขนส่งผู้โดยสารที่ร้อยละ 87 และรับเครื่องบินตลอดปี 7 ลำ จบสิ้นปีด้วยฝูงบินรวม 63 ลำ ซึ่งจะทำให้ TAA มีความแข็งแกร่งทั้งด้านผลการดำเนินงานและผลประกอบการในปีนี้แน่นอน