“เอ็กซ์พีเดีย” สำรวจเส้นทาง “วัฒนธรรม-ธรรมชาติ-อาหาร” ในไทย

“เอ็กซ์พีเดีย กรุ๊ป” บริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ได้เปิดเผยข้อมูลจากปี 2560 ที่แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มล่าสุดของความต้องการด้านโรงแรมและข้อมูลเชิงลึกของธุรกิจโรงแรมในไทย โดยรวบรวมจากการเข้าชมกว่า 675 ล้านครั้งต่อเดือนผ่านเอ็กซ์พีเดีย กรุ๊ป จากทั่วทุกมุมโลก

“พิมพ์ปวีณ์ นพกิจกำจร” ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารของเอ็กซ์พีเดีย กรุ๊ป บอกว่า สำหรับการท่องเที่ยวเชิง “ศิลปะและวัฒนธรรม” ในไทย พบว่า “เชียงราย” มียอดการเติบโตขาเข้าที่โดดเด่นมากกว่า 80% เนื่องจากชนเผ่าในท้องถิ่น และประเพณีที่โดดเด่น ซึ่งทำให้การผสมผสานทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบความท้าทาย ในทางตรงกันข้าม “เชียงใหม่” มีอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างช้า แต่ยังคงเป็นการเติบโตที่ดีซึ่งมากถึง 30%

ในส่วนของนักท่องเที่ยวนั้นพบว่า ชาวเอเชียจะสนใจในการสัมผัสกับวัฒนธรรม และประเพณีท้องถิ่นมากกว่า ขณะที่ชาวยุโรปจากฝรั่งเศส เยอรมนี และสหราชอาณาจักร แสดงความสนใจในการสำรวจสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของไทยเป็นอย่างมาก

โดย “สุโขทัย” มีอัตราการเติบโตของความต้องการขาเข้าเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% ซึ่งชาวยุโรปเพียงอย่างเดียวก็มีส่วนมากกว่าครึ่งของการเติบโตนี้

ด้านการท่องเที่ยวเชิง “ธรรมชาติและชายหาด” ในไทยพบว่า ชายหาดที่คนนิยมไปเที่ยวมากที่สุด 5 อันดับแรกคือ พัทยา มีอัตราการเติบโตปีต่อปีมากกว่า 40% รองลงมาคือ ภูเก็ต และ หัวหิน มีอัตราการเติบโตกว่า 20%ในทางกลับกัน เกาะสมุย และ กระบี่ มีอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างช้าลง โดยอยู่ที่ประมาณ 10%

ทั้งนี้ โรงแรมพาร์ตเนอร์ที่อยู่ในจุดหมายปลายทางที่เป็นชายหาด5 อันดับแรกเหล่านี้ เรียนรู้ว่านักท่องเที่ยวซึ่งจองแบบแพ็กเกจผ่านทางเอ็กซ์พีเดีย กรุ๊ป จ่ายมากกว่า 1.2 เท่าสำหรับที่พักของพวกเขา เมื่อเทียบกับการจองแบบห้องพักอย่างเดียว นี่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการเข้าร่วมในการจองแบบแพ็กเกจของเอ็กซ์พีเดีย กรุ๊ป ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้รับความสะดวกสบายและความประหยัดจากการซื้อทั้งเที่ยวบินและที่พักของโรงแรมพร้อมกันเฉลี่ยแล้วนักท่องเที่ยวที่จองแบบแพ็กเกจมีแนวโน้มที่จะพักเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งวัน และมีโอกาสน้อยกว่า 50% ที่จะยกเลิกการเดินทาง

Advertisment

โดยนักท่องเที่ยวจากสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และสหราชอาณาจักร เป็น 3 อันดับแรกที่ทำการจองแบบแพ็กเกจไปยังจุดหมายปลายทางที่เป็นชายหาดที่สำคัญในประเทศไทย

ในขณะที่การจองโรงแรมในประเทศไทยเฉลี่ยเกือบ 7 ใน 10 ครั้ง จะประกอบด้วยจุดหมายปลายทางที่เป็นชายหาดอย่างน้อยหนึ่งแห่ง โดยนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศยังมีความปรารถนาที่จะท่องเที่ยวไปไกลกว่าเส้นทางที่ถูกกำหนด ซึ่งเกาะช้าง และเกาะหลีเป๊ะ เป็นหนึ่งในชายหาดท่องเที่ยวที่กำลังเป็นที่นิยม โดยมีอัตราการเติบโตที่สูงกว่า 30%

นอกจากนี้ “อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก มากกว่าครึ่งของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวอุทยานแห่งนี้ มาจากประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยนักท่องเที่ยวจากประเทศสิงคโปร์จะเป็นอันดับแรกที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่อุทยานแห่งนี้ คิดเป็น 40% ของความต้องการขาเข้าโดยรวม และอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มีอัตราการเติบโตที่โดดเด่นเป็นอย่างมาก สะท้อนให้เห็นชัดเจนจากตัวเลขการเติบโตถึง 3 หลัก หรือเติบโตที่กว่า 160%

ในส่วนของการท่องเที่ยวเชิง “อาหาร” นั้นพบว่า กรุงเทพฯได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองแห่งอาหารริมทางชั้นนำแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งดึงดูดความสนใจจากเหล่านักชิมทั่วโลก โดยมิชลินได้เปิดตัว

Advertisment

“มิชลิน ไกด์ กรุงเทพฯ” ซึ่งคัดเลือกและนำเสนอ ร้านอาหารที่ดีที่สุด ในกรุงเทพฯ ฉบับแรกที่มีร้านอาหารรวมทั้งหมด 98 แห่ง แสดงให้เห็นถึงว่า กรุงเทพฯมีการรวบรวมอาหารนานาชาติไว้ ในขณะที่ยังคงดำรงมรดกทางวัฒนธรรมการปรุงอาหาร และการประกอบอาหารไทยแท้ ๆ แบบต้นตำรับ

ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับประสบการณ์ด้านอาหารมากที่สุด ส่วนนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียถือว่าอาหารเป็นปัจจัยสำคัญอันดับ 2 ที่มีอิทธิพลต่อการเลือกจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยว

ตามผลการวิจัยล่าสุดของ Expedia Media Solutions : Asia Pacific Travel Trends แสดงให้เห็นถึงความสอดคล้องของผลสำรวจสำหรับกรุงเทพฯ เนื่องจากนักท่องเที่ยวจากญี่ปุ่นเดินทางมาเที่ยวไทยมากที่สุดใน 3 อันดับแรก ในขณะที่นักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศที่เติบโตเร็วที่สุดในบรรดา 10 อันดับประเทศที่เดินทางมายังไทย

ที่สำคัญ ประเทศเหล่านี้ช่วยเพิ่มอัตราการเติบโตที่ดีเป็นตัวเลข 2 หลัก ให้กับกรุงเทพฯตลอดมาอีกด้วย