เล็งเก็บ “ค่าประกัน” นักท่องเที่ยวต่างชาติ

“วีระศักดิ์ โควสุรัตน์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการแก้ไขร่าง พ.ร.บ.นโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการผลักดันกฎหมายใหม่ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติทุกคนทำประกันเมื่อเดินทางเข้าประเทศไทย ซึ่งถือเป็นมาตรการที่ต้องการให้นักท่องเที่ยวมีหลักประกันรับผิดชอบตัวเอง และสามารถจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายฉุกเฉินได้เมื่อถึงยามจำเป็น

โดยแบ่งเป็นการประกัน 3 ประเภท ได้แก่ 1.ประกันที่จัดเก็บจากนักท่องเที่ยวก่อนเข้าสู่ประเทศ เบื้องต้นประเมินว่าจะทำให้นักท่องเที่ยวมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 30-40 บาทต่อคน

2.ประกันที่เจาะตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มซอฟต์แอดเวนเจอร์ เช่น ดำน้ำ ปีนเขา และล่องแก่ง เนื่องจากกิจกรรมเหล่านี้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากขึ้น จึงมีแนวคิดบังคับใช้ ให้ผู้ประกอบการด้านซอฟต์แอดเวนเจอร์มีสิทธิ์ปฏิเสธนักท่องเที่ยวที่ไม่มีประกันประเภทนี้ได้

โดยนักท่องเที่ยวเองได้ประโยชน์จากการทำประกันภัยจากกิจกรรมที่มีความเสี่ยง ขณะที่ตัวผู้ประกอบการสามารถสร้างรายได้เพิ่มจากการเป็นตัวแทนขายประกัน ถือเป็นการอำนวยความสะดวกหน้าร้านแก่ชาวต่างชาติ

และ 3.ประกันภัยสำหรับรถยนต์ที่เดินทางข้ามแดน รองรับการเติบโตของภาคท่องเที่ยวไทยซึ่งเป็นศูนย์กลางของอาเซียนและประเทศในกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขง ครอบคลุมอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับตัวเองและผู้อื่น

“วีระศักดิ์” บอกด้วยว่า ขณะนี้คณะกรรมาธิการกำลังพิจารณามาตรการประกันนักท่องเที่ยวดังกล่าว โดยล่าสุดได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปแล้ว ซึ่งทุกหน่วยงานต่างเห็นพ้องว่าเป็นแนวคิดที่เหมาะสม

ทั้งนี้ เนื่องจากนักท่องเที่ยวกลุ่มกระแสหลัก (mass) ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ผ่าน ๆ มาหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องต้องใช้งบประมาณรวมกว่า 200 ล้านบาทต่อปี ในการรักษาพยาบาลนักท่องเที่ยวที่เกิดอุบัติเหตุหรือมีปัญหาสุขภาพระหว่างท่องเที่ยวในไทย ซึ่งวางเป้าหมายว่ากระทรวงการท่องเที่ยวฯจะนำเสนอวาระนี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีภายในปีนี้ และคาดว่าจะเริ่มบังคับใช้ได้ภายในปีงบฯ 2562

นอกจากนี้ ยังได้หารือกับกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวเรื่องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวที่ใช้นอมินีจากต่างชาติที่เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ในธุรกิจการท่องเที่ยวของไทยทุกระบบ หากตรวจสอบพบเส้นทางการเงินและจับได้ จะผลักดันออกนอกประเทศทันที เพื่อทำให้เห็นว่าวงจรใดของธุรกิจในไทยที่กลุ่มนอมินีเข้ามาหารายได้เข้าตัวบ้าง หรือเป็นส่วนในการสร้างความเหลื่อมล้ำด้านรายได้มากขึ้นไปอีก