ททท.ยกระดับเชื่อมั่นเที่ยวไทย เร่งผุดศูนย์ความปลอดภัยระดับประเทศ

“ททท.” ลุยชงที่ประชุม ททช. จัดตั้งศูนย์ดูแลความปลอดภัยและความมั่นคงด้านการท่องเที่ยวระดับประเทศ “SSTT” เป็นครั้งแรก ยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยทั้งระบบของท่องเที่ยวไทย หลังต่างชาติกังวล คาดตลาดจีนฟื้นตัวทันโกลเด้นวีกวันชาติจีนเดือนตุลาคมนี้ ด้านสมาคม “แอตต้า” ขยับคิวโรดโชว์ตลาดกรุ๊ปทัวร์ 4 เมืองใหญ่ในจีนเร็วขึ้นเป็นกลางเดือนกันยายนนี้

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 2 สิงหาคมนี้ ททท.เตรียมเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ททช.) เกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัยทั้งระบบ และขอให้พิจารณาจัดตั้งศูนย์ดูแลความปลอดภัยและความมั่นคงด้านการท่องเที่ยวระดับประเทศ ภายใต้ชื่อ “Safety and Security Tourism Thailand” (SSTT)

ทั้งนี้ เพื่อดูแลความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวให้เทียบชั้นระดับโลก โดยแนวคิดเบื้องต้นคือหากมีเหตุการณ์ฉุกเฉิน สามารถใช้อำนาจสั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหาได้เลย เช่น กรมเจ้าท่า ตำรวจท่องเที่ยว และอื่น ๆ

ชงตั้งศูนย์ดูแลความปลอดภัย

“ถึงเวลาที่เราตั้งศูนย์ดูแลความปลอดภัยเพื่อดูแลนักท่องเที่ยวระดับประเทศได้แล้วหรือยัง หลังจากภาคท่องเที่ยวไทยมีบทเรียนใหญ่ ๆ เกิดขึ้น ตั้งแต่เหตุการณ์สึนามิ การปิดสนามบิน จนมาถึงอุบัติเหตุเรือล่มที่จังหวัดภูเก็ตเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 47 ราย”

โดย ททท.มองว่าจำเป็นที่จะต้องมีหน่วยงานใหญ่ที่ดูแลด้านความปลอดภัยและความมั่นคงด้านการท่องเที่ยวของไทยทั้งหมด เพราะนี่คือสิ่งสำคัญที่จะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยว

รองรับตลาดคุณภาพ เช่น กลุ่มครอบครัว กลุ่มเศรษฐี และอื่น ๆ ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในการทำตลาดของ ททท.และยังช่วยขับเคลื่อนภาคท่องเที่ยวไทยให้เดินหน้าต่อไปได้

“ปัจจุบันการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวมุ่งแข่งเรื่องภาพลักษณ์ ไทยจึงจำเป็นต้องใช้วิกฤตนี้ยกระดับเรื่องความปลอดภัย เพื่อเร่งสร้างความน่าเชื่อถือ เพื่อทำให้บรรยากาศทางการค้าและท่องเที่ยวกลับมา ผ่านการทำงานและสื่อสารระหว่างรัฐบาลไทยและจีน เนื่องจากจีนเป็นหนึ่งใน stake-holder ของไทยตลาดหนึ่ง ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะครอบคลุมนักท่องเที่ยวทุกชาติด้วย”

เน้นป้องกัน-เฝ้าระวัง-เยียวยา

สำหรับมาตรการความปลอดภัยทั้งระบบที่จะเสนอในที่ประชุม ททช. จะเน้นใน 3 เรื่องคือ 1.การป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ 2.การเฝ้าระวัง และ 3.การคุ้มครองเยียวยา ครอบคลุมทุกรูปแบบการเดินทางทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ทั้งในและนอกฤดูการท่องเที่ยว เนื่องจากขณะนี้ไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันด้านความปลอดภัยและความมั่นคงด้านท่องเที่ยวอยู่ในอันดับที่ 118 จาก 136 ของโลก จัดอันดับโดยเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม

นอกจากนี้ ททท.ยังได้ศึกษา best practice ของต่างประเทศว่ามีวิธีการบริหารและจัดการด้านความปลอดภัยทั้งเชิงรับและเชิงรุกอย่างไร เพื่อนำมาปรับใช้ในไทยให้ทันเวลา

นายยุทธศักดิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากตนได้เดินทางไปเมืองปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้เมื่อวันที่ 18-21 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อพบผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยวจีนขนาดใหญ่ โดยทางผู้ประกอบการจีนได้สะท้อนว่าขณะนี้นักท่องเที่ยวกลุ่มเดินทางเป็นหมู่คณะ (กรุ๊ปทัวร์) ซึ่งครองสัดส่วน 40% ของตลาดจีนเที่ยวไทย ได้ยกเลิกการจองแพ็กเกจทัวร์มาไทยไปบางส่วนแล้ว ส่วนตลาดกลุ่มเดินทางด้วยตัวเอง (เอฟไอที) ยังเติบโตดีอยู่

“ผู้ประกอบการจีนมองว่าเหตุการณ์เรือล่มที่ภูเก็ต อาจกระทบยาวไปจนถึงโกลเด้นวีกหรือช่วงหยุดยาววันชาติจีนที่จะถึงในเดือนตุลาคมนี้ เห็นได้จากตัวเลขการจองแพ็กเกจท่องเที่ยวที่น้อยกว่าที่คาดไว้ ซึ่งได้รับผลกระทบจากเรื่องความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย”

ขอเวลาฟื้นเชื่อมั่น 2 เดือน

ทั้งนี้ ททท.มีเวลา 2 เดือนในการเร่งฟื้นความเชื่อมั่นตลาดนักท่องเที่ยวจีนให้กลับมาทันเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งตรงกับช่วงโกลเด้นวีกของวันหยุดยาวของนักท่องเที่ยวจีน ผ่านมาตรการความปลอดภัย และเร่งรัดการสอบสวนเหตุเรือล่มที่ภูเก็ตให้ได้ข้อสรุปเร็วที่สุด โดยมีแผนเชิญนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เดินทางไปจีนเพื่อสร้างความมั่นใจว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญแก่นักท่องเที่ยวจีน

ทั้งนี้ คาดว่าในเดือนตุลาคม ตลาดจีนจะกลับมาอย่างน้อย 70-80% ขณะที่เดือนสิงหาคมคาดว่าจะเป็นเดือนที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนมาไทยต่ำที่สุด จากปกติแล้วจะมีนักท่องเที่ยวจีนมาไทยในแต่ละเดือนไม่ต่ำกว่า 9 แสนคน

“แอตต้า” ขยับโรดโชว์เร็วขึ้น

ด้านนายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า สมาคมได้เลื่อนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย (โรดโชว์) ที่ประเทศจีนให้เร็วขึ้น จากเดิมที่มีแผนเดินทางไปในช่วงปลายปีมาเป็นในเดือนกันยายนนี้ เพื่อกระตุ้นตลาดและฟื้นความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวจีนให้กลับมาเที่ยวไทยเหมือนเดิม หลังเกิดเหตุเรือล่มที่ภูเก็ต โดยจะไป 4 เมืองใหญ่ของจีน ได้แก่ เทียนจิน ชิงเต่า นานจิง และเหอเฝ่ย ซึ่งเป็นตลาดที่มีนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์จำนวนมาก

“เรามองว่า 2 เดือนนับจากนี้น่าเป็นห่วง โดยเฉพาะตลาดกรุ๊ปทัวร์ที่กระทบค่อนข้างมาก ชั่วโมงนี้ที่ภาคเอกชนต้องทำคือการดูแลนักท่องเที่ยวจีนให้ดีที่สุด เพื่อให้เขาเกิดความประทับใจ นำไปบอกต่อแก่ญาติและเพื่อนฝูงว่าไทยยังเป็นจุดหมายที่น่าประทับใจ ซึ่งเป็นวิธีการที่ดีกว่าเราไปพูดเอง”

นายกสมาคมแอตต้ากล่าวเพิ่มเติมว่า ประเมินว่ายังมีโอกาสที่ไทยจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามากว่า 11 ล้านคนในปีนี้ แม้ว่าในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมนี้จะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวไทยแค่ 1 ล้านคนนี้ โดยคาดว่ากระแสการเดินทางในช่วงโกลเด้นวีกเดือนตุลาคมนี้ไม่น่ามีปัญหา