“แอตต้า” วอนรัฐทบทวนมาตรการวีซ่าเร่งด่วน หวั่นไทยสูญเสียรายได้ลากยาวถึงต้นปีหน้าไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาท

“แอตต้า” ยันธุรกิจท่องเที่ยวกระอักหนักทุกเซ็กเตอร์ วอนรัฐทบทวนออกมามาตรการวีซ่ากระตุ้นด่วนก่อนสถานการณ์จะเลวร้าย-ลากยาวไปถึงกลางปีหน้า ฟันธงแค่ไตรมาสสุดท้ายปีนี้เสียหายไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้าน

นายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า ทางสมาคมยังยืนว่าขณะนี้ธุรกิจท่องเที่ยวที่ทำตลาดจีนในทุกเซ็กเตอร์ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ทั้งบริษัททัวร์ โรงแรม ร้านอาหาร บริษัทรถเช่า ฯล เนื่องจากเริ่มประสบกับภาวะขาดทุนอย่างหนัก เนื่องจากตลาดนักท่องเที่ยวจีนชลอการเดินทางท่องเที่ยวอย่างชัดเจนมาตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

ทั้งนี้ อยากให้รัฐบาลและทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาทบทวนเรื่องมาตรการวีซ่าที่คาดว่าจะเข้ามาช่วยกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวจีนในช่วงปลายปีนี้ให้กลับมาสู่ภาวะปกติอีกครั้ง และยังอยากให้รัฐบาลรีบดำเนินการ เพื่อที่ผู้ประกอบการจะได้เริ่มต้นทำการตลาดได้ทันในช่วง 2 เดือนหลังของปีนี้ รวมถึงสามารถวางแผนทำการตลาดสำหรับปีหน้าได้ตั้งแต่ต้นปีอีกด้วย

“มาตรการที่เราขอไปมี 2 ประเด็น คือ 1. ยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง หรือ Visa On Arrival เป็นระยะเวลา 2 เดือน และ 2. มาตรการ Double Entry Visa และลดค่าธรรมเนียม Visa On Arrival 50% เป็นระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งหากเป็นไปได้อยากให้รัฐช่วยพิจารณาทั้ง 2 มาตรการ เพราะเป็นทั้งมาตรการระยะสั้นและระยะยาว” นายวิชิตกล่าว

​นายวิชิตกล่าวต่อไปอีกว่า สมาคมแอตต้าในฐานะหน่วยงานที่ทำงานใกล้ชิดกับตลาดพบว่า นับตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมาตลาดจีนได้รับผลกระทบอย่างหนัก และลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดกันยายนที่ผ่านมาลดลงไป 39% และเดือนตุลาคม (1-23 ต.ค.) ลดลง 31.3% นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ให้บริการเครื่องบินแบบเช่าเหมาลำ หรือ ชาร์เตอร์ไฟล์ต หยุดให้บริการไปมากกว่า 300 เที่ยวบินต่อเดือนอีกด้วย

Advertisment

​พร้อมยืนยันด้วยว่า หากรัฐไม่ดำเนินการอะไรสักอย่างคาดว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะทำให้นักท่องเที่ยวจีนหายไปประมาณ 3-4 แสนคน สูญเสียรายได้ไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท และยังคาดว่าจะกระทบยาวไปถึงไตรมาแรกของปี 2562 ซึ่งหากเป็นไปตามที่คาดการณ์นี้จะทำให้ประเทศไทยสูญเสียรายได้จากการการท่องเที่ยวเฉพาะตลาดจีนรวมมูลค่าไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท