ปิดตำนาน 49 ปี ‘ดุสิตธานี’ อีก 4 ปีเผยโฉมมิกซ์ยูส 3.6 หมื่นล้าน (จบ)

ปิดตำนาน 49 ปี 'ดุสิตธานี' อีก 4 ปีเผยโฉมมิกซ์ยูส 3.6 หมื่นล้าน

ประกาศปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมา สำหรับโรงแรม “ดุสิตธานี กรุงเทพ” หลังจากเปิดให้บริการมา 49 ปี บนพื้นที่บริเวณหัวมุมถนนสีลมและถนนพระราม 4 (ตรงข้ามสวนลุมพินี) สัญลักษณ์ของความเป็นไทยใจกลางกรุงเทพฯ

ทั้งนี้ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน)ซึ่งเป็นเจ้าของและผู้บริหารของโรงแรมดุสิตธานี ได้ลงนามต่อสัญญาเช่าที่ดินในบริเวณดังกล่าวกับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์อีกเป็นเวลา30 ปี และยังได้สิทธิในการเช่าที่ดินต่อเนื่องอีก 30 ปี รวมเป็น 60 ปีไปแล้วเมื่อต้นปี 2561 ที่ผ่านมา

“ชนินทธ์ โทณวณิก” รองประธานกรรมการและประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เคยให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า ด้วยการแข่งขันของธุรกิจโรงแรมในปัจจุบันที่ทวีความรุนแรงขึ้น บวกกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ “ดุสิตธานี” ต้องตัดสินใจที่จะปิดเพื่อพัฒนาและปรับปรุงโรงแรมแห่งนี้ครั้งใหญ่ในรอบนี้

อย่างไรก็ตาม จะยังคงยืนหยัดที่จะลงทุนทำโรงแรมที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทย และมีเป้าหมายเพื่อแข่งขันในระดับโลกตามความตั้งใจของ “ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย” ผู้ก่อตั้ง “ดุสิตธานี” เหมือนเดิม

โครงการมิกซ์ยูสเตรียมเผยโฉมปี ’65

โดยโมเดลใหม่ที่กำลังจะเผยโฉมออกมาในอีก 4 ปีข้างหน้านี้นั้น ทาง “กลุ่มดุสิตธานี” ได้จับมือกับบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ยกระดับโรงแรมและพัฒนาเป็นโครงการในรูปแบบผสมขนาดใหญ่ที่เรียกกันว่า “มิกซ์ยูส” หรือ Mixed-use มีโรงแรม อาคารสำนักงาน พื้นที่ค้าปลีก และอาคารที่พักอาศัย

พร้อมทั้งบอกว่า “ดุสิตธานี” มีความมุ่งมั่นอย่างมากที่จะพัฒนาโครงการดังกล่าวนี้ให้เป็นโครงการระดับโลก เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ของดุสิตธานีให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ขณะที่ “ศุภจี สุธรรมพันธุ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดุสิตธานี ได้อธิบายเพิ่มเติมถึงรายละเอียดคร่าว ๆ ว่า โครงการดังกล่าวนี้จะตั้งอยู่บนที่ดินรวมประมาณ 24 ไร่ มีมูลค่าโครงการรวมอยู่ที่ราว 3.67 หมื่นล้านบาท ประกอบไปด้วย 4 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่

1. โรงแรม 5 ดาว ขนาด 250 ห้อง ความสูง 39 ชั้น โดยชั้นบนสุดจะเป็นรูฟท็อป มีฐานของยอดสีทองที่เป็นสัญลักษณ์ของโรงแรม พร้อมแกลเลอรี่บอกเล่าเรื่องราวของดุสิตธานี

2. อาคารสำนักงาน 40 ชั้น

3. เรซิเดนซ์ 60 ชั้น

4. ศูนย์การค้า 2 ชั้น (ชั้นใต้ดิน) แต่ตัวอาคารที่โผล่อยู่บนดินจะมองเห็นเป็น 3 อาคาร คือ โรงแรมดุสิตธานี จะอยู่ฝั่งติดกับอาคารอับดุลราฮิม อาคารที่พักอาศัยจะอยู่ตรงกลาง และอาคารสำนักงานจะอยู่ติดฝั่งถนนสีลม โดยทุกอาคารจะมองเห็นวิวและพื้นที่สีเขียวและสวนลุมพินี

และเชื่อมั่นว่า โครงการนี้จะสามารถเอื้อประโยชน์ให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวถือเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองอย่างแท้จริงในปัจจุบัน ทั้งศูนย์กลางทางธุรกิจ ศูนย์กลางของธุรกิจค้าปลีกรวมถึงศูนย์กลางในการเชื่อมต่อการเดินทางในระบบขนส่งมวลชนหลักของกรุงเทพฯ และเป็นทำเลที่มีที่อยู่อาศัยระดับบนเป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้ คาดหวังว่าโครงการนี้จะเป็นตัวอย่างของการนำเสนอศักยภาพของคนไทย รวมถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจโรงแรม ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจค้าปลีกของไทย

ที่สำคัญยังเป็นการช่วยส่งเสริมให้ “กรุงเทพฯ” เป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวพักผ่อน และสร้างชื่อเสียงของประเทศไทยออกไปสู่สายตาชาวโลกอีกด้วย

โดยคาดว่าจะใช้เวลาในการพัฒนาโครงการใหม่ราว 3.5-4 ปี และพร้อมเผยโฉมโครงการใหม่นี้ได้ในปี 2565 แน่นอน..