ไวรัสโควิด-19 ทุบธุรกิจไมซ์ร่วง 60% ไบเทคโอดรายได้ติดลบหนักรอบ20ปี

“ไบเทค” รับโควิดทุบรายได้ติดลบครั้งแรกในรอบ 20 ปี เผยผู้จัดเริ่มทยอยจองวันจัดอีเวนต์แล้วยันสิ้นปี เตรียมสร้างความมั่นใจ-กระตุ้นงานในประเทศ ด้านทีเส็บเผยธุรกิจไมซ์หดตัว 60% พร้อมจัดทำคู่มือการจัดงานวิถีใหม่กระตุ้นไมซ์ในประเทศ หวังดันรายได้อุ้มเศรษฐกิจ-รอไมซ์ต่างชาติ

นางปนิษฐา บุรี กรรมการผู้จัดการ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค เปิดเผยว่า จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้ศูนย์ต้องปิดบริการไปกว่า 90 วัน ส่งผลกระทบต่อจำนวนงานและรายได้ของศูนย์ให้ลดลง ทำให้คาดว่าปีนี้จะเป็นปีแรกในรอบ20 ปีตั้งแต่เปิดให้บริการมาที่รายได้ของไบเทคจะติดลบจากปีที่ผ่านมา รวมทั้งยังมองว่ารายได้ของไบเทคหลังจากนี้อาจเติบโตเพียงหลักเดียว และไม่สามารถกลับมาเติบโตเทียบเท่ากับก่อนหน้านี้ที่เคยเติบโตระหว่าง 10-20%

โดยคาดว่าหลังจากการคลายล็อกมาตรการเพื่อป้องกันโควิด-19 ระยะที่ 4 ของรัฐบาลจะส่งผลให้สถานการณ์ฟื้นตัวดีขึ้นเป็นลำดับ สำหรับไบเทคนั้นเริ่มมีการยืนยันการจัดงานเข้ามาแล้ว และกระจายตัวอยู่ตั้งแต่เดือนสิงหาคม-ธันวาคมนี้ แต่คาดว่าทั้งอัตราการเช่าพื้นที่และจำนวนผู้เข้าร่วมงานอาจจะยังไม่มากเท่ากับที่ผ่านมา โดยจำนวนผู้เข้าร่วมน่าจะลดลงราว25% แล้วแต่รูปแบบและกลุ่มเป้าหมายในการประชุม เนื่องจากผู้ใช้บริการจะพร้อมกับการเข้าร่วมงานในที่ชุมชนหรือไม่

อย่างไรก็ตาม นอกจากจำนวนการจัดงานที่น่าจะไม่สามารถทำได้เทียบเท่ากับปีที่ผ่านมา ซึ่งมีการจัดงานกว่า 600 งานและมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 5 ล้านคนต่อปี คาดว่าปีนี้จำนวนผู้เข้าร่วมงานน่าจะลดลงประมาณ 50% แต่เชื่อว่ายังมีประชาชนที่ต้องการเข้าร่วมงานแฟร์ประเภทต่าง ๆ ที่จัดในศูนย์ประชุมอยู่ เช่นเดียวกับกลุ่มบริษัททั่วประเทศที่จะต้องจัดงานประชุมประจำปีอย่างแน่นอน

นอกจากนั้น คาดว่าพฤติกรรมของผู้เข้าร่วมงานน่าจะเปลี่ยนแปลงไป โดยกำหนดเป้าหมายในการเดินงานให้ชัดเจนขึ้น และใช้เวลาในการเดินงานน้อยลง แต่ไบเทคก็ได้ทุ่มพลังเพื่อจัดมาตรการควบคุมแน่นหนาป้องกันการติดเชื้ออย่างเต็มที่ตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข

ด้านนางศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาโควิดส่งผลกระทบต่อการจัดกิจกรรมไมซ์ ทั่วทุกภาคส่วน และทำให้รายได้จากกิจกรรมไมซ์ในไทยหายไปกว่า 60% การเร่งกระตุ้นให้เกิดการจัดกิจกรรมไมซ์ขึ้นภายในประเทศจึงสำคัญเป็นอย่างมาก

โดยคาดว่าจะมีรายได้โดยตรงจากการเดินทางไมซ์ลดลงเหลือ 162,000 ล้านบาท จากเป้าหมายเดิม 220,000 ล้านบาท และรายได้โดยอ้อมลดลงเหลือ 200,000 กว่าล้านบาทจาก 540,000 ล้านบาท จากจำนวนนักเดินทางไมซ์ที่น้อยลงโดยเฉพาะตลาดต่างชาติ ดังนั้น เพื่อสร้างรายได้โดยตรงและรายได้โดยอ้อมจากการดำเนินกิจกรรมไมซ์ ทีเส็บจึงเดินหน้าขอให้ผู้จัดกิจกรรมไมซ์เลื่อนงานออกไปแทนการยกเลิก รวมถึงเร่งยกระดับมาตรฐานการจัดกิจกรรมไมซ์ให้เข้ากับความปกติใหม่อย่างเป็นรูปธรรมด้วยการออกคู่มือการจัดงานวิถีใหม่

โดยทีเส็บจะเร่งกระตุ้นการจัดงานประชุมภายในประเทศ เพื่อสร้างรายได้จากกิจกรรมไมซ์ภายในระยะต่อไป ซึ่งในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้จะจัดแคมเปญที่มีชื่อว่า “ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า”เพื่อกระตุ้นการเดินทางของกลุ่มบริษัทต่าง ๆ ต่อไป

ส่วนสเต็ปต่อไปทีเส็บจะหารือกับศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19) หรือ ศบค. เพื่อพูดคุยถึงการเปิดการเดินทางให้นักเดินทางไมซ์ต่างชาติในอนาคต

“ปกติแล้วรายได้จากนักเดินทางไมซ์ต่างชาติมากกว่านักท่องเที่ยวราว 3-4 เท่าโดยเมื่อไรที่ไทยสามารถจับคู่เปิดการเดินทางกับต่างชาติได้สำเร็จ ทีเส็บจะเร่งเดินหน้าโรดโชว์ในประเทศเป้าหมายในเอเชียอย่างจีน ไต้หวัน หรือญี่ปุ่นทันทีที่สามารถทำได้ โดยยากที่จะสามารถระบุเวลาอย่างชัดเจนว่าเมื่อไรที่นักเดินทางไมซ์จะกลับมาเดินทางได้ปกติจนกว่าจะสามารถคิดค้นวัคซีนได้” นางศุภวรรณกล่าว