โสมเหนือละเมิดมติยูเอ็น ลักลอบส่งสินค้าต้องห้ามให้ซีเรีย-พม่า โกยเงิน 6.3 พันล้านบ.

เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เกาหลีเหนือละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหประชาชาติ(ยูเอ็น) ด้วยการลักลอบส่งออกถ่านหิน เหล็ก โลหะ และอื่นๆ ที่เป็นสินค้าต้องห้ามที่เป็นผลให้ในปี 2560 เกาหลีเหนือมีรายได้เข้าประเทศจากการส่งออกสินค้าต้องห้ามดังกล่าวสูงถึงเกือบ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6,300 ล้านบาท) โดยมีหลายประเทศเช่น จีน รัสเซีย และ มาเลเซีย ล้มเหลวที่จะยับยั้งการกระทำผิดกฎหมายดังกล่าว

ข้อมูลข้างต้นอยู่ในรายงานหนา 213 หน้า จัดทำโดยคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญอิสระ ที่ยื่นต่อคณะกรรมาธิการคว่ำบาตรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ(ยูเอ็นเอสซี) ซึ่งยังระบุอีกว่า เกาหลีเหนือได้ส่งเรือบรรทุกถ่านหินไปยังท่าเรือต่างๆ รวมถึงในประเทศรัสเซีย จีน เกาหลีใต้ มาเลเซียและเวียดนาม โดยใช้เอกสารปลอมระบุว่าประเทศอื่นอย่างรัสเซียและจีน เป็นต้นทางของถ่านหินส่งออกดังกล่าว แทนที่จะเป็นเกาหลีเหนือ

คณะทำงานชุดนี้ยังระบุอีกว่าพวกเขายังกำลังสืบสวนสอบสวนกรณีที่มีหลักฐานบ่งชี้ว่ามีความร่วมมือทางทหารระหว่างเกาหลีเหนือกับซีเรียและพม่า ที่รวมถึงกรณีที่มีรายงานการขนส่งทางเรือที่ไม่มีการรายงานของเกาหลีเหนือมากกว่า 40 ครั้งระหว่างปี 2558-2560 ไปยังศูนย์ศึกษาวิทยาศาสตร์และการวิจัยของซีเรีย ที่เป็นหน่วยงานกำกับดูแลโครงการอาวุธเคมีของซีเรีย นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบเรือสินค้าของเกาหลีเหนือ 2 ลำ ที่ถูกทางการประเทศหนึ่งเข้าสกัดไว้ได้ขณะมุ่งหน้าไปยังซีเรีย โดยเรือทั้งสองลำขนแผ่นกระเบื้องที่มีคุณสมบัติต่อต้านกรดจำนวนมากที่สามารถนำไปใช้ในโครงการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ได้

รายงานฉบับนี้ยังอ้างข้อมูลจากประเทศหนึ่งที่ไม่ขอเปิดเผยตัวตนกล่าวอ้างว่ามีหลักฐานบ่งชี้ว่าประเทศพม่าได้รับระบบขีนาวุธนำวิถีมาจากเกาหลีเหนือ รวมถึงอาวุธตามรูปแบบ เช่น เครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง และขีปนาวุธยิงจากภาคพื้นดินสู่อากาศ

เบื้องต้นยังไม่มีท่าทีใดๆออกมาจากคณะนักการทูตเกาหลีเหนือประจำยูเอ็น เช่นเดียวกับคณะนักการทูตซีเรียประจำยูเอ็น ขณะที่จีนและรัสเซียย้ำว่าประเทศตนปฏิบัติตามข้อมติคว่ำบาตรเกาหลีเหนือของยูเอ็น ส่วนทูตพม่าประจำยูเอ็นกล่าวว่ารัฐบาลพม่าไม่มีความสัมพันธ์ด้านอาวุธกับเกาหลีเหนือและพม่าปฏิบัติตามข้อมติของยูเอ็นเอสซี

Advertisment

 

 

 

ที่มา มติชนออนไลน์

Advertisment