สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หลังจากที่ “เซนส์บิวรีส์” (Sainsbury”s) ยักษ์ค้าปลีกอังกฤษ และ “เอเอสดีเอ” (ASDA) เชนค้าปลีกในอังกฤษของเครือวอลล์มาร์ต ซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 2 และ 3 ตามลำดับมีความพยายามควบรวมกิจการกัน โดยมีหน่วยงานด้านเศรษฐศาสตร์ออกมาเตือนว่า การรวมตัวกันดังกล่าว สร้างความเสี่ยงต่องานในกลุ่มซัพพลายเชนกว่า 2,500 ราย
NEF พบว่าการลดผลผลิตร้อยละ 5 เปอร์เซ็นต์ สำหรับซัพพลายเออร์อาจทำให้สูญเสียงานได้มากกว่า 1,200 ราย ในขณะที่การลดจำนวนร้อยละ 10 อาจทำให้สูญเสียงานได้ถึง 2,500 ตำแหน่ง ซึ่ง “ไมค์ คูป” ซีอีโอของเซนส์บิวรีส์ ให้คำมั่นว่าจะลดผลผลิตสำหรับผู้บริโภคลงถึง 10 เปอร์เซ็นต์ จึงอาจก่อความเสี่ยงสูญเสียงานกว่า 2,500 รายนั่นเอง
- “ทางรัฐ” ซูเปอร์แอปแห่งชาติ รองรับแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
นอกจากนี้ NEF ยังเตือนว่าการสูญเสียงานทั้งหมดที่เชื่อมต่อกับการรวมกิจการอาจสิ้นสุดลงได้ เนื่องจากการประมาณการเหล่านี้ไม่ครอบคลุมถึงห่วงโซ่อุปทานทั้งหมดหรือผลกระทบต่อความต้องการที่หายไปในเศรษฐกิจในประเทศ อีกทั้งการลดการใช้จ่ายของ บริษัท พนักงาน และครอบครัว อาจนำไปสู่การปิดธุรกิจและการสูญเสียงานนอกเครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ตได้
Alfie Stirling หัวหน้าเศรษฐศาสตร์จาก New Economics Foundation กล่าวว่า ถ้าการรวมกิจการยังคงดำเนินต่อไป ในภายภาคหน้าเราอาจเห็นการรวมตัวของกิจการใหญ่ๆ แบบนี้อีกครั้ง
“นับเป็นภาพที่กว้างขึ้น ในบางครั้งทุนนิยมสหราชอาณาจักร เเสดงให้เห็นว่าตัวเองมุ่งสู่ธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งไม่ค่อยได้เห็นมากนักในยุโรปตะวันตก”