Berkshire Hathaway เงินสดทุบสถิติใหม่ เป็นปัญหากวนใจ “บัฟเฟตต์”

วอร์เรน บัฟเฟตต์ Berkshire Hathaway
วอร์เรน บัฟเฟตต์ ในสถานที่จัดงานประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2024 ของ เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ (ภาพโดย Scott Morgan/ REUTERS)

เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ (Berkshire Hathaway) บริษัทโฮลดิ้งชื่อดัง ของ “วอร์เรน บัฟเฟตต์” (Warren Buffett) จัดงานประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2024 เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา หนึ่งนัยสำคัญของการประชุมปีนี้ คือ เป็นการประชุมประจำปีครั้งแรกหลังการเสียชีวิตของ “ชาร์ลี มังเกอร์” (Charlie Munger) มือขวาของบัฟเฟตต์ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของเบิร์กเชียร์มานานหลายทศวรรษ

เบิร์กเชียร์ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2024 มีกำไรจากการดำเนินงาน 11,220 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 39% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (YOY) นำโดยกำไรของธุรกิจประกันภัย 2,598 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า 185%

แม้ว่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้นมาก แต่ยังมีปัญหากวนใจ วอร์เรน บัฟเฟตต์ นั่นคือการที่กองเงินสดของบริษัทมีมากเกินไป โดย ณ ไตรมาส 1 ปี 2024 เบิร์กเชียร์มีเงินสดทำสถิติสูงสุดใหม่ 189,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 13% จากสิ้นปี 2023

กองเงินสดจำนวนนี้นับรวมเงินจากการขายหุ้นบางส่วนออกไปเมื่อเร็ว ๆ นี้แล้ว รวมถึงหุ้นแอปเปิล (Apple) ซึ่งเบิร์กเชียร์เปิดเผยในการประชุมว่า ได้ขายออกไปประมาณ 13% และหุ้นเชฟรอน (Chevron) ที่ขายไปประมาณ 2%

บัฟเฟตต์กล่าวว่า เป็นสมมุติฐานที่สมเหตุสมผลที่ว่าเงินสดของบริษัทน่าจะอยู่ที่ประมาณ 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นไตรมาส 2 นี้

Advertisment

การที่เบิร์กเชียร์มีเงินสดสะสมเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ สะท้อนถึงความยากลำบากในการค้นหาบริษัทที่จะเข้าไปลงทุนแบบเน้นคุณค่าตามแนวทางของบัฟเฟตต์ ซึ่งบัฟเฟตต์กล่าวกับผู้ถือหุ้นในการประชุมล่าสุดว่า เบิร์กเชียร์จะลงทุนในบริษัทที่น่าพอใจเท่านั้น 

“เราชอบที่จะใช้มัน (เงิน) แต่เราจะไม่ใช้จ่าย เว้นแต่เราจะคิดว่าเรากำลังทำอะไรบางอย่างที่มีความเสี่ยงน้อยมาก และสามารถสร้างรายได้ให้เราได้มากมาย”

บัฟเฟตต์กล่าวตำหนิมานานแล้วว่า เบิร์กเชียร์ขาดข้อตกลงการลงทุนที่จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ “สะดุดตา”

เมื่อไม่มีบริษัทให้เข้าซื้อ เบิร์กเชียร์จึงซื้อหุ้นบริษัทของตนเองคืน โดยใช้เงินประมาณ 2,600 ล้านดอลลาร์ ซื้อหุ้นคืนในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา

Advertisment

ด้วยดอกเบี้ยที่สูงและราคาหุ้นที่สูงขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้กลยุทธ์การเลือกหุ้นราคาต่ำของเบิร์กเชียร์ต้องยกมาตรฐานสูงขึ้น เป็นสาเหตุที่ทำให้เบิร์กเชียร์หาบริษัทที่น่าเข้าซื้อได้ยาก

ตั๋วเงินคลังอายุ 3 เดือนของกระทรวงการคลังสหรัฐให้ผลตอบแทนประมาณ 5.4% ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยจากตราสารหนี้สหรัฐที่เบิร์กเชียร์ถืออยู่สูงกว่ารายได้เงินปันผลจากการถือหุ้นมาแล้วเป็นเวลา 3 ไตรมาสติดต่อกันนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2023 ขณะที่ราคาหุ้นสูงขึ้น ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้นแล้ว 7.5% นับตั้งแต่ต้นปี และเข้าใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ณ สิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

ตลาดหุ้นสหรัฐซึ่งเป็นเป้าหมายการลงทุนหลักของเบิร์กเชียร์ไม่เคยมีการปรับฐานอย่างเต็มรูปแบบนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2022 แต่ขณะเดียวกัน บัฟเฟตต์ก็ยอมรับถึงความยากลำบากในการลงทุนนอกตลาดสหรัฐด้วย

เมื่อถูกถามว่าสนใจลงทุนหุ้นอินเดียหรือไม่ เขาตอบว่า อาจจะมีโอกาสที่เบิร์กเชียร์ยังไม่ได้เข้าไปสำรวจ

“คำถามก็คือ เรามีข้อได้เปรียบในด้านข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับธุรกิจหรือผู้ติดต่อที่จะทำให้การทำธุรกรรมเกิดขึ้นหรือไม่” นักลงทุนระดับตำนานวัย 93 ปีกล่าว