ฮิวแมนไรท์วอทช์จี้ไทย อย่าส่งสาวซาอุฯกลับประเทศ เพราะอาจเจอกับความรุนแรงจากครอบครัว

เมื่อวันที่ 7 มกราคม สำนักข่าวต่างประเทศทั้งบีบีซี เอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานว่า กลุ่มฮิวแมนไรท์วอทช์ องค์กรปกป้องสิทธิมนุษยชน เรียกร้องให้ทางการไทยระงับการส่งกลับน.ส.ราฮาฟ โมฮัมเหม็ด อัล-คูนัน สาวชาวซาอุดีอาระเบีย วัย 18 ปีกลับประเทศ หลังจากเธอถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของไทยควบคุมตัวไว้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งน.ส.ราฮาฟแวะพักเปลี่ยนเครื่องบินก่อนที่เธอจะเดินทางต่อไปยังประเทศออสเตรเลียซึ่งเจ้าตัวต้องการขอลี้ภัย หลังจากหลบหนีจากครอบครัวของตนเองที่เดินทางมาพักผ่อนที่ประเทศคูเวตเมื่อ 2 วันก่อน โดยนายไมเคิล เพจ รองผู้อำนวยกลุ่มฮิวแมนไรท์วอทช์ประจำภูมิภาคตะวันออกกลาง แถลงว่าหญิงสาวชาวซาอุดีอาระเบียรายนี้อาจจะเผชิญกับความรุนแรงจากครอบครัว การถูกริดรอนเสรีภาพและอันตรายร้ายแรงอื่นๆได้หากมีการส่งตัวเธอกลับไปโดยขัดต่อเจตนารมณ์ของเธอ

ขณะที่นายฟิล โรเบิร์ตสัน จากฮิวแมนไรท์วอทช์เช่นกัน กล่าวว่าน.ส.ราฮาฟจะเผชิญกับอันตรายร้ายแรงหากเธอถูกส่งตัวกลับไปยังซาอุดีอาระเบีย และว่า รัฐบาลไทยควรยินยอมให้น.ส.ราฮาฟได้พบกับเจ้าหน้าที่จากสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ(ยูเอ็นเอชซีอาร์) เพื่อยื่นเรื่องขอลี้ภัย พร้อมกับย้ำว่าความกังวลของน.ส.ราฮาฟว่าเธอจะถูกฆ่าเมื่อเดินทางกลับไป เป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้

ด้านยูเอ็นเอชซีอาร์ออกแถลงการณ์ว่า สำนักงานยูเอ็นเอชซีอาร์ได้ติดตามพัฒนาการของเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดและกำลังพยายามร้องขอรัฐบาลไทยในการให้ได้เข้าพบน.ส.ราฮาฟเพื่อประเมินถึงการร้องขอความคุ้มครองระหว่างประเทศของน.ส.ราฮาฟอยู่

การเรียกร้องให้ทางการไทยยุติการส่งตัวกลับสาวซาอุดีอาระเบียของฮิวแมนไรท์วอทช์มีขึ้นในขณะที่พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกล่าวกับบีบีซีว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาครอบครัว โดยน.ส.ราฮาฟได้หนีการแต่งงานมา และเนื่องจากเธอไม่มีวีซ่าเข้าประเทศไทย ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ปฏิเสธการเข้าเมืองและอยู่ในกระบวนการส่งตัวน.ส.ราฮาฟกลับโดยสายการบินเดียวกับที่เธอเดินทางมาคือ คูเวตแอร์เวย์ส ในช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 7 มกราคม ส่วนกรณีที่เจ้าตัวอ้างว่าตนเองถูกยึดพาสปอรต์นั้น ทางเจ้าหน้าที่ไม่ทราบ แต่น.ส.ราฮาฟไม่มีเอกสารอื่นๆ เช่น ตั๋วเครื่องบินโดยสารขากลับหรือเงินติดตัว

กรณีนี้ตกเป็นข่าวขึ้นเมื่อน.ส.ราฮาฟโพสต์เล่าเรื่องราวปัญหาของเธอทางโซเชียลมีเดียว่าเธอหนีจากครอบครัวมาโดยเธอได้เลิกนับถือศาสนาอิสลามแล้วและกลัวว่าหากเธอถูกส่งกลับไปยังประเทศของเธอ ก็จะถูกครอบครัวของเธอฆ่า โดยน.ส.ราฮาฟเปิดเผยในรายการนิวส์อาวร์ของบีบีซีว่า ขณะนี้เธออยู่ที่โรงแรมในพื้นที่พักเปลี่ยนเครื่องภายในสนามบินสุวรรณภูมิ และว่า เธอแชร์เรื่องราวและรูปถ่ายของเธอลงโซเชียลมีเดีย ทำให้พ่อของเธอโกรธมาก เธอไม่สามารถเรียนและทำงานในประเทศของเธอได้ นั่นทำให้เธอต้องการอิสรภาพที่จะเรียนและทำงานในสิ่งที่เธออยากทำ

น.ส.ราฮาฟยังบอกอ้างกับบีซีซีว่าเธอมีวีซ่าออสเตรเลีย ซึ่งเป็นประเทศที่เธอต้องการเดินทางไป ซึ่งเธอต้องแวะเปลี่ยนเครื่องที่กรุงเทพฯก่อน แต่เมื่อมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เธอถูกเจ้าหน้าที่ทูตซาอุดีอาระเบียยึดพาสปอร์ตไป อย่างไรก็ตามนักการทูตซาอุดีอาระเบียยืนยันว่าพาสปอร์ตยังคงอยู่กับตัวของน.ส.ราฮาฟ และการที่เธอถูกควบคุมตัวครั้งนี้เพราะเธอไม่มีตั๋วเครื่องบินโดยสารขากลับ ด้านสถานทูตซาอุดีอาระเบียในกรุงเทพฯ เปิดเผยว่า น.ส.ราฮาฟถูกควบคุมตัวอยู่ที่สนามบิน เพราะเธอไม่มีตั๋วเครื่องบินโดยสารขากลับและเธอกำลังจะถูกส่งไปยังประเทศคูเวตที่่ครอบครัวของเธออยู่ และว่า เจ้าหน้าที่ทางการซาอุดีอาระเบียไม่มีอำนาจที่จะควบคุมตัวเธอที่สนามบินหรือที่ไหนก็ตาม และขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ติดต่อกับพ่อของน.ส.ราฮาฟแล้ว

ด้านสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่าน.ส.ราฮาฟได้หนีออกจากครอบครัวมาขณะที่กำลังเที่ยวกันอยู่ที่ประเทศคูเวต เนื่องจากเธอถูกทำร้ายทั้งทางร่างกายและจิตใจ เอเอฟพียังอ้างคำให้สัมภาษณ์ของพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ขณะนี้น.ส.ราฮาฟกำลังรอขึ้นเครื่องบินไปยังซาอุดีอาระเบีย โดยมีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของไทยและเจ้าหน้าที่ทางการซาอุดีอาระเบียอยู่ด้วย โดยน.ส.ราฮาฟได้ซื้อตั๋วเครื่องบินเองเมื่อวันก่อน เมื่อถูกถามเรื่องการขอลี้ภัยของน.ส.ราฮาฟ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์กล่าวว่า เราไม่ทราบ แต่หากบุคคลใดต้องการขอลี้ภัย ก็จะต้องรอประเทศนั้นๆตอบรับกลับมาเสียก่อน ขณะที่น.ส.ราฮาฟทวีตบอกทางทวิตเตอร์ว่า ตนเองได้ร้องขอให้รัฐบาลไทยยุติการส่งตัวเธอไปยังคูเวต และขอให้ทางตำรวจไทยช่วยเริ่มเดินเรื่องการขอลี้ภัยให้กับเธอด้วย นอกจากนี้น.ส.ราฮาฟยังโพสต์อ้อนวอนให้ผู้คนที่อยู่ในบริเวณพื้นที่แวะเปลี่ยนเครื่องภายในสนามบินสุวรรณภูมิช่วยกันประท้วงคัดค้านไม่ให้ทางการไทยส่งตัวเธอกลับไป รวมถึงการโพสต์คลิปวิดีโอเผยให้เห็นว่าน.ส.ราฮาฟนำเอาเฟอร์นิเจอร์ในห้องพักโรงแรมมากั้นขวางประตูห้องพักเอาไว้เพื่อที่จะไม่ให้ใครนำตัวเธอไป

เอเอฟพียังอ้างคำสัมภาษณ์ของนายอับดูลีลาห์ อัล-ชูเอบี อุปทูตซาอุดีอาระเบียประจำประเทศไทย ที่ให้กับสื่อของซาอุดีอาระเบียว่า พ่อของน.ส.ราฮาฟได้ติดต่อมายังสถานทูตเพื่อความช่วยเหลือในการนำตัวบุตรสาวกลับมา แต่นายอับดูลีลาห์ปฏิเสธว่าพาสปอร์ตของน.ส.ราฮาฟไม่ได้ถูกเจ้าหน้าที่ยึดเอาไว้และขณะนี้เจ้าหน้าที่สถานทูตซาอุดีอาระเบียได้อยู่กับน.ส.ราฮาฟด้วยที่สนามบิน

บีบีซีรายงานว่าด้านรัฐบาลออสเตรเลียยังไม่ได้แสดงท่าทีความเห็นใดๆเมื่อถูกสอบถามถึงกรณีที่น.ส.ราฮาฟต้องการขอลี้ภัย ขณะที่เอเอฟพียังชี้ถึงประเด็นของน.ส.ราฮาฟว่าเกิดขึ้นในขณะที่ซาอุดีอาระเบียยังถูกจับตามองเกี่ยวกับการสอบสวนคดีฆาตกรรมนายจามาล คาช็อกกี ผู้สื่อข่าวชาวซาอุดีอาระเบียที่ถูกสังหารเสียชีวิตภายในสถานกงสุลซาอุดีอาระเบียในนครอิสตันบูล ประเทศตุรกีเมื่อเร็วๆนี้ ซึ่งทำให้ซาอุดีอาระเบียตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักโดยเฉพาะในประเด็นของการละเมิดสิทธิมนุษยชน

 

ที่มา  มติชนออนไลน์