วันที่ 10 ม.ค. เอเอฟพี รายงานว่าภาวะชัตดาวน์ของหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐอเมริกายังคงยืดเยื้อต่อไป สู่วันที่ 20 และก่อผลกระทบทางเศรษฐกิจแล้ว แต่ยังไม่มีวี่แววจะคลี่คลายได้ ล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ วอล์กเอาต์ หรือประท้วงด้วยการเดินออกจากการประชุมร่วมกับผู้แทนฝ่ายนิติบัญญัติ เพราะไม่พอใจที่ขอให้ผ่านร่างงบประมาณที่รวมโครงการก่อสร้างกำแพงเหล็กกั้นชายแดน สหรัฐ-เม็กซิโก มูลค่ากว่า 5,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 180,000 ล้านบาท แล้วไม่ได้
ด้าน โพลิติโก รายงานว่า จากการที่พนักงานของรัฐไม่ได้เงินค่าจ้างถึง 800,000 คนในช่วงชัตดาวน์ ทำให้การใช้จ่ายเงินในตลาดหดหาย ส่วนบริษัทคู่สัญญาเอกชนและคนงานอื่นๆ ที่ทำกับรัฐบาลต่างก็ได้รับผลกระทบไปด้วย คิดแล้วเป็นมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจ สัปดาห์ละ 1,200 ล้านดอลลาร์ หรือราว 39,600 ล้านบาท
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
เมื่อเทียบกับภาวะชัตดาวน์ 16 วันในยุคบารัก โอบามา จากความขัดแย้งในงบสวัสดิการสุขภาพ กินเวลา 16 วัน เมื่อเดือนตุลาคม 2556 มีมูลค่าเสียหายทางเศรษฐกิจที่ไม่รวมส่วนรายได้ ซึ่งรัฐควรได้จากกิจการต่างๆ เช่น สวนสาธารณะ คิดเป็นเงิน 2,500 ล้านดอลลาร์ หรือราว 82,500 ล้านบาท
การเจรจาล่าสุดที่ลงเอยด้วยความล้มเหลวนั้น นายทรัมป์โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์หลังเดินออกจากการประชุมที่ห้องยุทธการ ชั้นใต้ดินปีกตะวันตกของทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตัน
“เพิ่งออกจากการประชุมกับชัค และแนนซี่ ช่างเสียเวลาอย่างที่สุด ผมถามว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอีก 30 วันข้างหน้านี้หากผมยอมเปิดใจ พวกคุณจะอนุมัติโครงการความมั่นคงชายแดนซึ่งรวมถึงกำแพงหรือแนวกั้นเหล็กไหม แนนซี่พูดว่าไม่ ผมเลยบอกว่าบ๊ายบาย ไม่มีอะไรได้ผลอีกแล้ว”
ด้านนางแนนซี เพโลซี ประธานสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเดโมแครต กล่าวว่า ภาวะชัตดาวน์และการที่เจ้าหน้าที่ภาครัฐไม่ได้รับค่าจ้างนั้นเป็นความเสียหายข้างเคียงที่เกิดขึ้นเพราะนายทรัมป์
ส่วนนายชัค ชูเมอร์ ประธานวุฒิสภาพรรคเดโมแครต ระบุว่านายทรัมป์เดินออกจากห้องประชุมแทบจะทันทีหลังจากนางเปโลสกีย้ำว่าจะไม่อนุมัติการสร้างกำแพงกั้นชายแดน
“เขาถามประธานเพโลซีว่าคุณจะตกลงกับกำแพงของผมไหม เมื่อเธอบอกว่าไม่ เขาก็ลุกขึ้น ใช้มือตบโต๊ะ และบอกว่างั้นเราก็ไม่มีอะไรต้องหารือกันอีก จากนั้นเดินออกไป นี่เป็นอีกครั้งที่ประธานาธิบดีทรัมป์อาละวาดเพราะไม่ได้ดั่งใจ” นายชูเมอร์กล่าว
ส่วนนายไมก์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐแย้งว่านายทรัมป์ไม่ได้ตบโต๊ะ ขึ้นเสียง หรือแสดงอาการเกรี้ยวโกรธ แต่เดินเข้าไปในห้องและแจกลูกอมให้กับผู้ร่วมประชุม แต่เป็นฝ่ายพรรคเดโมแครตที่ไม่ยอมต่อรองใดๆ
ที่มา ข่าวสดออนไลน์