เวเนฯป่วน! มีปธน.2 คน หลังผู้นำฝ่ายค้านประกาศนั่งปธน.รักษาการ ชาติตะวันตกแห่สนับสนุน”ฆวน กูไอโด”

ฆวน กูไอโด (ช้าย)/นิโกลัส มาดูโร (ขวา)/REUTERS

การเมืองประเทศเวเนซุเอลาเริ่มตึงเครียดขึ้นอีกครั้งเมื่อวันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมาท่ามกลางบรรยากาศการประท้วงบนท้องถนนของประชาชนที่ต่างออกมาขับไล่ นิโกลัส มาดูโร ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา โดยนายฆวน กูไอโด ประธานสภาผู้แทนราษฎรผู้นำฝ่ายค้านที่ครองเสียข้างมากในสภา ประกาศต่อหน้าผู้ชุมนุมในกรุงการากัส ประเทศเวเนเซุเอลา เมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีรักษาการ ของเวเนซุเอลา ขณะที่ชาติตะวันตกไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา แคนาดา และชาติในภูมิภาคละตินอเมริกา อย่างบราซิล โคลอมเบีย และอาร์เจนตินา ได้ออกมาแสดงความสนับสนุนรับรองสถานะประธานาธิบดีของนายกูไอโด กันอย่างรวดเร็ว

โดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐได้แถลงสนับสนุน นายกูไอโด ระบุว่า สหรัฐพร้อมสนับสนุนให้เวเนซุเอลากลับสู่ประชาธิปไตยอีกครั้ง ประชาชนเวเนซุเอลามีความกล้าหาญที่จะออกมาต่อต้านมาดูโรและรัฐบาล เพื่อเรียกร้องเสรีภาพและหลักนิติธรรมในประเทศ

ด้านประธานาธิบดีมาดูโร ตอบโต้ด้วยการประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตและการค้ากับสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นพันธมิตรทางการค้าสำคัญลงทันที และสั่งให้เจ้าหน้าที่ทูตสหรัฐอเมริกาเดินทางออกจากเวเนซุเอลาภายใน 72 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามกระทรวงต่างประเทศสหรัฐยืนยันว่าจะไม่ทำตามคำสั่งดังกล่าวโดยระบุว่า สหรัฐอเมริกาไม่ได้ให้การรับรองรัฐบาลเวเนซุเอลาอีกต่อไป จึงไม่มีสิทธิทางกฎหมายที่จะตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับสหรัฐอเมริกา

รายงานระบุว่าประชาชนชาวเวเนซุเอลาที่ไม่พอใจกับสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำอย่างหนักและเผชิญกับภาวะขาดแคลนอาหารมาอย่างยาวนาน ซึ่งนอกจากจะเดินขบวนในประเทศแล้ว ยังลามไปชุมนุมกันในหลายประเทศในละตินอเมริกาด้วย เวลานี้กำลังรอให้กูไอโด ปรากฏตัวอีกครั้งเพื่อประกาศแนวทางดำเนินการก้าวต่อไป ขณะที่กองทัพเวเนซุเอลายังคงสงวนท่าทีในการสนับสนุนนายมาดูโรอยู่ในเวลานี้

ทั้งนี้การประท้วงต่อต้านประธานาธิบดีมาดูโร รอบล่าสุดซึ่งเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 13 ราย ทั่วประเทศ โดยส่วนใหญ่เสียชีวิตจากการถูกยิง นับเป็นการประท้วงที่มีการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมและรัฐบาลครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การประท้วงระหว่างเดือนเมษายน และกรกฎาคม ปี 2560 การประท้วงซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากถึง 125 คน

ที่มา มติชนออนไลน์