การเลือกตั้ง ส.ว.ทั่วประเทศของญี่ปุ่นเมื่อวานนี้ (21 ก.ค. 62) ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการตั้งแต่เมื่อคืนนี้จนถึงช่วงเช้าของวันนี้ (22 ก.ค. 62) บ่งชี้ชัดเจนว่า พรรคร่วมรัฐบาล-พรรคเสรีประชาธิปไตย (Liberal Democratic Party : LDP) ได้ที่นั่งเกินครึ่ง โดยมีคาดการณ์ว่าพรรคของนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ จะได้ที่นั่งในสภาประมาณ 66-76 ที่นั่ง จากทั้งหมด 124 ที่นั่ง
ล่าสุด “ซีเอ็นเอ็น” รายงานว่า นายชินโสะ อาเบะ ประกาศชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดนี้ โดยผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการ ชี้ขาดว่าพรรคของรัฐบาลได้เสียงที่นั่งในสภาทั้งหมด 71 เสียง ขณะที่รายงานระบุว่า นายอาเบะ ขึ้นแท่นว่าเป็น “นายกรัฐมนตรียาวนานที่สุดในญี่ปุ่น”
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
สำหรับพรรครัฐธรรมนูญประชาธิปไตย (Constitutional Democratic Party: CDP) คว้าเก้าอี้มาเป็นอันดับ 2 อยู่ที่ 53 ที่นั่งในสภา
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีอาเบะ กล่าวต่อสื่อมวลชนว่า “ผมอยากขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงจากประชาชนผู้ที่มห้การสนับสนุนเรา และนี่คือทางเลือกเกี่ยวกับความมั่นคง และความพยายามที่จะยุติปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองในญี่ปุ่น”
นอกจากนี้ นายอาเบะ กล่าวด้วยว่า พรรคของเขาตั้งใจที่จะแก้ปัญหาต่างๆ ที่รุมเร้าญี่ปุ่นในแผนการบริหารต่อจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปฏิรูประบบประกันสังคม, สนับสนนด้านการศึกษาฟรี, การเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ และการรับมือกับประชากรสูงอายุ และปัญหาแรงงานที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง จนอาจจะกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นได้ในระยะยาว
ขณะที่ “อาเบะ” กล่าวด้วยว่า ยังคาดหวังที่จะเห็นการปรับเปลี่ยนแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับสันติภาพ ซึ่งเป็นประเด็นใหญ่ของประเทศ ทั้งยังมีเงื่อนไขกำหนดชัดเจนว่า พรรครัฐบาลจำเป็นต้องได้ที่นั่งในสภา 2 ใน 3 หรือราวๆ 85 ที่นั่งถึงจะสามารถเปิดเรื่องเพื่อยื่นการพิจารณาได้
ขณะเดียวกัน รายงานของ “เจแปนทูเดย์” ระบุว่า แผนการของนายกฯ อาเบะ ที่ต้องการจะปรับขึ้นภาษีการบริโภค (consumption tax) จากปัจจุบันที่ 8% เป็น 10% คาดว่าจะได้รับเสียงสนับสนุนในระหว่างที่เปิดให้พิจารณาเพื่อลงมติ ในเดือนต.ค.ที่จะถึงนี้ หลังจากที่เลื่อนมาแล้วถึง 2 ครั้ง
ทั้งนี้ คาดว่าการปรับขึ้นภาษีครั้งใหม่จะช่วยสร้างรายได้รัฐบาลได้ประมาณ 5-6 ล้านล้านเยนต่อปี ซึ่งรัฐบาลจะนำรายได้ส่วนนี้ไปชำระหนี้รัฐบาลที่ในปัจจุบันมีมูลค่าสูงถึง 1,277 ล้านล้านเยน หรือ ราว 232% ของ GDP นอกจากนี้ บางส่วนจะนำไปสนับสนุนด้านการศึกษา การดูแลบุตร และสวัสดิการของประชาชนในสังคมสูงวัยด้วย