เปิดประวัติ “ชิน คย็อก-โฮ” เจ้าพ่อ “ล็อตเต้” ผู้กุมเศรษฐกิจเกาหลีใต้ ก่อนเสียชีวิตในวัย 98 ปี

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า “ชิน คย็อก-โฮ” ผู้ก่อตั้ง “ล็อตเต้ กรุ๊ป” เจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้วัย 98 ปีเสียชีวิตแล้วเมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยชิน คย็อก-โฮนับว่าเป็นมหาเศรษฐีผู้มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ โดยครอบครัวของเขาเป็นผู้ดำเนินธุรกิจยักษ์ใหญ่ 5 บริษัทไม่ว่าจะเป็น ฮุนได แอลจี ล็อตเต้ ซัมซุง และเอสเค

ชิน คย็อก-โฮ เกิด ณ เมืองอุลซาน ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาหลีในปี 1921 ซึ่งช่วงที่ญี่ปุ่นยึดครองคาบสมุทรเกาหลี โดยเขาย้ายไปยังญี่ปุ่นและเริ่มกิจการส่งนมและหนังสือพิมพ์ตามบ้านพักอาศัย ก่อนที่จะก่อตั้งบริษัทผลิตน้ำมันในปี 1944 แต่กิจการของเขาต้องปิดตัวลงในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

หลังสงครามสิ้นสุดลง เขาได้ก่อตั้งบริษัท “ลอตเต้” ในปี 1948 เพื่อผลิตหมากฝรั่งออกจำหน่าย เนื่องจากเห็นว่าเป็นที่นิยมในกองทหารสหรัฐอเมริกาที่ประจำการอยู่ในญี่ปุ่น ซึ่งต่อมาเขาได้ขยายกิจการกลับมายังเกาหลีใต้โดยก่อตั้งบริษัท “ล็อตเต้ คอนเฟคชั่นเนอรี่” เพื่อผลิตขนมหวานในปี 1967

ล็อตเต้ได้กลายเป็นหนึ่งในบริษัทขนาดใหญ่ของเกาหลีใต้ที่บริหารงานโดยสมาชิกในครอบครัว หรือที่เรียกว่า “Chaebol” และกลายเป็นบริษัทข้ามชาติที่ดำเนินธุรกิจหลากหลายทั้ง ขนมหวาน ร้านค้าปลีก สวนสนุก โรงแรม และการก่อสร้าง โดยล็อตเต้มีสินทรัพย์รวมอยู่มหาศาล อย่าง “ลอตเต้ ไจแอนท์ส” ทีมเบสบอลมืออาชีพ, โรงแรมนิวยอร์ก พาเลส ในสหรัฐอเมริกา และอาคารล็อตเต้ เวิลด์ ที่เป็นตึกสูง 123 ชั้นซึ่งเป็นอาคารที่สูงที่สุดในเกาหลีใต้

ในการไว้อาลัยต่อการจากไปของชิน คย็อก-โฮ สหพันธ์อุตสาหกรรมเกาหลีซึ่งเป็นตัวแทนของธุรกิจสำคัญของเกาหลีใต้ได้แถลงการณ์เชิดชูชิน คย็อก-โฮ ในฐานะ “ผู้บุกเบิก” ที่ช่วยสร้างเกาหลีใต้ขึ้นมาใหม่หลังสงครามสิ้นสุด “ความทุ่มเทของชิน คย็อก-โฮในการลงทุนต่อประเทศชาติ ในช่วงที่เกาหลีใต้กำลังฟื้นตัวจากซากปรักหักพังหลังสงคราม เป็นการวางรากที่มั่นคงให้กับเศรษฐกิจของประเทศ”

อย่างไรตาม ก่อนหน้าการเสียชีวิตไม่นาน อาณาจักรธุรกิจชิน คย็อก-โฮต้องเผชิญกับความวุ่นวายหลายด้าน ทั้งข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการคอร์รัปชั่นอย่างกว้างขวาง และกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงการผูกขาดและการมีอิทธิพลทางเศรษฐกิจ รวมทั้งยังเกิดการแก่งแย่งระหว่างสมาชิกในครอบครัว เพื่อครอบครองของธุรกิจของตระกูล โดยในปี 2015 เกิดการฟ้องร้องกันในกลุ่มสมาชิกครอบครัวเพื่อครอบครองล็อตเต้ ซึ่ง “ชิน ดง-บิน” บุตรชายคนเล็กของชิน คย็อก-โฮชนะคดีในท้ายที่สุด

แต่จากคดีดังกล่าวส่งผลให้อัยการของเกาหลีใต้ให้ความสนใจไปที่ ข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการทุจริตภายในองค์กรของล็อตเต้ ส่งผลให้ในปี 2017 ชิน คย็อก-โฮ, ชิน ดง-บิน และสมาชิกครอบครัวอีกหลายรายถูกตั้งข้อหาเลี่ยงภาษี ฉ้อโกง และทำธุรกิจที่ผิดกฎหมาย และต่อมาศาลเกาหลีใต้ได้ตัดสินจำคุก 4 ปีชิน คย็อก-โฮซึ่งขณะนั้นอยู่ในวัย 95 ปี แต่เขาก็ได้รับการปล่อยตัวด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ

ขณะที่ชิน ดง-บินก็ได้รับโทษจำคุกจากกรณีดังกล่าวด้วยเช่นกัน และหลังจากนั้นเขายังต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาติดสินบนทางการเมือง ในช่วงการกวาดล้างอดีตประธานาธิบดี ปาร์ค กึนเฮ ของเกาหลีใต้ด้วย แม้ว่าเขาจะปฏิเสธแต่ศาลก็ตัดสินว่าเขามีความผิดจริง ส่งผลให้ต้องรับโทษจำคุกก่อนที่จะได้รับการปล่อยตัวในปี 2018 ปัจจุบัน ชิน ดง-บินทำหน้าที่เป็นประธานของล็อตเต้กรุ๊ปสืบต่อจากบิดา