สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานการประชุมสภาประชาชนจีน (เอ็นพีซี) ในวันนี้ (22 พ.ค. 2020) ซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรก นับตั้แต่เมื่อปี 1990 ที่ทางรัฐบาลจีนไม่ได้มีการกำหนดเป้าหมายการเติบโตของจีดีพี ขณะที่นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง กล่าวระหว่างช่วงเปิดประชุม โดยระบุว่าทางการจะดำเนินการอัดฉีดอย่างถึงที่สุดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหลังการระบาดของไวรัสโควิด-19
โดยนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง กล่าวว่า รัฐบาลจะเพิ่มรายจ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยจัดทำงบประมาณขาดดุลที่ระดับ 3.6% ของจีดีพี เพิ่มขึ้น 0.8% จากเมื่อปีก่อนที่จัดทำงบประมาณขาดดุลที่ระดับ 2.8% ของจีดีพี นอกจากนี้ทางการยังจะเพิ่มโควต้าการออก “พันธบัตรพิเศษ” ของรัฐบาลท้องถิ่นจากเดิมที่กำหนดไว้ 2.15 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้นเป็น 3.75 ล้านล้านหยวน ในส่วนของรัฐบาลกลางจะมีการออกพันธบัตรดังกล่าวอีก 1 ล้านล้านหยวนเพื่อจัดหาเงินทุนสำหรับช่วยเหลือภาคธุรกิจ
ขณะที่พันธบัตรปกติจะเป็นการกู้ยืมเพื่อก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน นักวิเคราะห์ชี้ว่าพันธบัตรพิเศษเป็นการกู้ยืมเพื่อช่วยเหลือธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาด เช่น โครงการเงินอุดหนุนเพื่อกระตุ้นการบริโภค และโครงการเพิ่มเงินทุนให้กับธนาคารขนาดเล็ก เป็นต้น โดยข้อมูลจากกระทรวงการคลังพบว่า ในช่วง 4 เดือนแรกรัฐบาลท้องถิ่นได้มีการออกพันธบัตรดังกล่าวแล้วราว 1.2 ล้านล้านหยวน
นอกจากนี้ทางนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ยังกล่าวอีกว่า ปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจจะเพิ่มขึ้นอย่างมากในปีนี้ จากการดำเนินมาตรการทางการคลังเชิงรุก รวมถึงการดำเนินมาตรการทางการเงินที่มีความยืดหยุ่น