‘อินเดีย’ ปิดประตูยักษ์เทคจีน ขยายปมพิพาท ‘พรมแดน’

อินเดียแบนแอปจีน
(Photo by Prakash SINGH / AFP)

ไม่มีทีท่าจะยุติลงโดยง่าย สำหรับความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลอินเดียและจีน หลังจากที่เกิดการปะทะกันระหว่างกองกำลังทหาร 2 ฝ่ายในพื้นที่พิพาทแนวพรมแดนเทือกเขาหิมาลัยมาเป็นระยะนับตั้งแต่เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา

และหนึ่งในวิธีหรือมาตรการ ที่รัฐบาลอินเดียใช้ตอบโต้มหาอำนาจอย่างจีน คือ การแบนแอปพลิเคชั่นสัญชาติจีนที่กำลังขยายอิทธิพลอยู่ในอินเดีย รวมทั้งการออกกฎหมายควบคุมการลงทุนด้านเทคโนโลยีจากจีนเพิ่มมากขึ้น

ไฟแนนซ์เชียลไทมส์รายงานว่า เมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา รัฐบาลอินเดียได้ประกาศห้ามการใช้งานและให้บริการแอปพลิเคชั่นสัญชาติจีนเพิ่มขึ้นรวมเป็น 118 แอปพลิเคชั่น โดยระบุว่า แอปพลิเคชั่นเหล่านั้นมีการขโมยและส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานชาวอินเดียไปยังเซิร์ฟเวอร์ในต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งถือเป็น “ภัยต่อความมั่นคงของชาติและการป้องกันประเทศของอินเดีย”

คำสั่งแบนแอปพลิเคชั่นจีนครั้งนี้จะมีผลต่อแอปพลิเคชั่นชื่อดังที่ชาวอินเดียนิยมใช้งานหลายตัวเช่น แอปพลิเคชั่นเกมยอดนิยม ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีของวัยรุ่นอินเดียอย่าง “พับจี โมบาย” (PUBG Mobile) ของบริษัท เทนเซนต์ (Tecent) ไปจนถึงแอปพลิเคชั่นออกเดต “ถานถาน” (Tantan) ซึ่งเทียบเท่ากับเป็นแอปฯทินเดอร์จีน รวมถึงแอปพลิเคชั่นแต่งภาพอย่าง “เหม่ยตู้” (Meitu)

อินเดียนับว่าเป็นหนึ่งในตลาดผู้ใช้บริการขนาดใหญ่ของหลายแอปพลิเคชั่น จากจำนวนประชากรมหาศาลของอินเดีย

โดยการประกาศแบนแอปพลิเคชั่น ครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อหลายแอปพลิเคชั่นที่มีผู้ใช้บริการชาวอินเดียจำนวนมาก รวมถึง “อาลีเพย์” (Alipay) แอปพลิเคชั่นธุรกรรมทางการเงินของ “อาลีบาบา” และเสิร์ชเอนจิ้น “ไป่ตู้” (Baidu) ที่ได้รับนิยมอย่างสูงในอินเดีย

การแบนแอปพลิเคชั่นจีนของรัฐบาลอินเดียครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่เกิดการเผชิญหน้ากันอีกครั้งระหว่างกองกำลังทหารของทั้ง 2 ประเทศบริเวณพื้นที่พรมแดนลาดักห์ ในวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยรัฐบาลอินเดียระบุว่า การเคลื่อนไหวของกองกำลังทหารของจีนเป็นการยั่วยุและคุกคาม

ขณะที่รัฐบาลจีนก็กล่าวหาว่า กองกำลังทหารของอินเดียได้เข้ายึดครองพื้นที่สูงซึ่งมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งจีนระบุว่าเป็นการกระทำที่ละเมิดพื้นที่พิพาทในส่วนที่จีนอ้างสิทธิ์ และเรียกร้องให้อินเดียถอนกองกำลังทหารดังกล่าวออกจากพื้นที่ในทันที

ทั้งนี้ การเผชิญหน้าระหว่างกองกำลังทหาร 2 ชาติมีมาเป็นระยะ ต่อเนื่องมาตั้งแต่การปะทะกันครั้งแรกในรอบหลายสิบปีบริเวณหุบเขากัลวาน เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลอินเดียระบุว่า มีทหารอินเดียเสียชีวิตถึง 21 นาย ขณะที่จีนไม่เปิดเผยจำนวนทหารที่เสียชีวิต แม้จะมีการเจรจากันถอนกองกำลังทหารออกจากพื้นที่พิพาทหลายครั้ง แต่ยังคงไม่ประสบความสำเร็จ

ซึ่งหลังจากการปะทะกันในเดือน มิ.ย. รัฐบาลอินเดียได้ประกาศแบนแอปพลิเคชั่นสัญชาติจีนครั้งแรกรวม 59 แอปพลิเคชั่น โดยมีแอปพลิเคชั่นยอดนิยมอย่าง “ติ๊กต๊อก” (TikTok) ที่ถูกแบนในครั้งนั้นด้วย

นอกจากนี้รัฐบาลอินเดียยังได้ออกข้อกำหนดใหม่สำหรับควบคุมการลงทุนของบริษัทเทคโนโลยีจีนในอินเดียด้วย

และยังมีกดดันให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคมในประเทศยุติการใช้งานอุปกรณ์ของ “หัวเว่ย” (Huawei) แบรนด์เทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน และร่วมแบนแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ตามมาตรการของรัฐบาล โดยรัฐบาลอินเดียถือว่าเป็นการดำเนินการทางเศรษฐกิจขั้นรุนแรงโดยมีเป้าหมายโดยตรงไปที่บริษัทของจีน เพื่อตอบโต้ความเคลื่อนไหวทางการทหารจีนที่อินเดียมองว่าเป็นภัยคุกคาม