ถึงแม้วัคซีนจะมีประสิทธิภาพการป้องกันเชื้อโควิดสายพันธ์ุใหม่จากอังกฤษและแอฟริกาใต้ แต่นักวิทยาศาสตร์ยังคงกังวลว่าวัคซีนจะไม่สามารถป้องกันเชื้อที่กลายพันธุ์นอกเหนือจากนี้ได้
วันที่ 8 มกราคม 2564 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่านักวิทยาศาสตร์จาก “มหาวิทยาลัยเท็กซัส สาขาการแพทย์” (University of Texas Medical Branch) ร่วมกับบริษัท “ไฟเซอร์ อิงค์” (Pfizer Inc.) ยืนยันว่าวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ทางบริษัทได้ร่วมผลิตกับ “ไบโอเอนเทค เอสอี” (BioNTech SE) มีประสิทธิภาพต่อการป้องกันการกลายพันธ์ุของเชื้อที่ถูกเรียกว่า “N501Y” หรือโรคโควิด-19 “สายพันธุ์ใหม่” ซึ่งถูกค้นพบที่อังกฤษและแอฟริกาใต้
“ฟิล โดมิทเซอร์” นักวิทยาศาสตร์วัคซีนไฟเซอร์ระบุว่าเชื้อโรคโควิด-19 กลายพันธุ์ มีอัตราการระบาดที่รุนแรงกว่าเชื้อเดิมถึง 50-70% จึงได้สร้างความกังวลว่าวัคซีนนี้จะมีประสิทธิภาพป้องกันเชื้อที่กลายพันธุ์ได้หรือไม่
ทั้งนี้ ทางนักวิทยาศาสตร์จากทั้งมหาวิทยาลัยเท็กซัสและไฟเซอร์ได้ทดลองจากตัวอย่างเลือดของผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีน โดยทดลองกับเชื้อโควิด-19 ที่กลายพันธุ์ไป 16 รูปแบบ ซึ่งพบว่าวีคซีนมีประสิทธิภาพต่อต้านเชื้อเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม โดมิทเซอร์ยังระบุว่าเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ที่พบเพิ่มชื่อ “E484K” ซึ่งถูกค้นพบในเชื้อโควิด-19 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ยังคงน่าเป็นห่วง โดยนักวิจัยกำลังพยายามทดลองวัคซีนกับเชื้อที่กลายพันธุ์นอกเหนือจากนี้ โดยหวังว่าจะมีสามารถมีข้อมูลในอีกไม่กี่อาทิตย์ข้างหน้า
“ไซมอน คลาร์ก” รองศาสตราจารย์ สาขาจุลชีววิทยา มหาวิทยาลัยเรดดิ้งระบุว่าขณะที่เชื้อกลายพันธุ์ซึ่งถูกค้นพบในประเทศอังกฤษมีคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกับเชื้อเดิม แต่เชื้อที่กลายพันธุ์ชื่อ E484K ภายในประเทศแอฟริกาใต้มีอัตราการระบาดที่รุนแรงกว่า ซึ่งวัคซีนอาจไม่สามารถป้องกันเชื้อสายพันธุ์นั้นได้