“สิงคโปร์” เปลี่ยนเกม ชูธงปั้นอุตฯการผลิต

“สิงคโปร์” เกาะเล็ก ๆ ที่เป็นผู้นำเศรษฐกิจของภูมิภาค จากการมุ่งเน้นศูนย์กลางธุรกิจการเงินและบริการ แต่ล่าสุดรัฐบาลสิงคโปร์ประกาศนโยบายผลักดันอุตสาหกรรมการผลิตในประเทศเพื่อมาเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต

ไชน่า นิวส์ เอเชีย รายงานว่า “ชาน ชุน ซิง” รัฐมนตรีการค้าและอุตสาหกรรมประเทศสิงคโปร์ แถลงว่า ต้องการขยายอุตสาหกรรมการผลิตในประเทศให้เพิ่มขึ้นมากถึง 50% ในช่วง 10 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันอุตสาหกรรมการผลิตสิงคโปร์มีมูลค่า 1.06 แสนล้านสิงคโปร์ดอลลาร์ (ประมาณ 2.3 ล้านล้านบาท) คิดเป็น 21% ของจีดีพี และมีแรงงานทั้งหมด 450,000 คน คิดเป็น 12% ของแรงงานทั้งประเทศ ด้วยค่าจ้างเฉลี่ย 4,700 เหรียญสิงคโปร์ ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานทั่วโลกถึง 10%

ชานกล่าวว่า ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมการผลิตของแต่ละประเทศแข่งกันที่ต้นทุน โดยเน้นไปที่การผลิตเชิงปริมาณ ใช้แรงงานต่างประเทศที่มีค่าแรงต่ำ แต่สำหรับสิงคโปร์ ชานมีเป้าหมายเปลี่ยนเป็นฐานการผลิตเชิงคุณภาพ หรืออุตสาหกรรมการผลิต “ขั้นสูง” เป็นการแข่งขันทางด้านทรัพย์สินทางปัญญา แทนที่จะไปแข่งที่การลดต้นทุนการผลิต

พร้อมระบุว่า สาเหตุที่ต้องมาผลักดันอุตสาหกรรมการผลิต เพราะโลกในยุคโควิด-19 และหลังจากนี้ การเพิ่มความหลากหลายสาขาเพื่อขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจประเทศเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก

อุตสาหกรรมการผลิตในสิงคโปร์เป็นเพียงไม่กี่อุตสาหกรรมที่ขยายตัวในช่วงที่ผ่านมา อาทิ อิเล็กทรอนิกส์ด้านการแพทย์ และวิศวกรรมด้านความแม่นยำ (precision engineering) มีความต้องการจากต่างประเทศสูงในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลก โดยปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมการผลิตประเทศสิงคโปร์เติบโตถึง 7.3% จากปีก่อนหน้า จากสินค้าในอุตสาหกรรมเหล่านี้เป็นหลัก

โดยรัฐบาลสิงคโปร์ต้องการดึงดูดประชาชนให้มาทำงานในอุตสาหกรรมการผลิตขั้นสูงมากขึ้น พร้อมกับการยกระดับทักษะแรงงาน และการร่วมมือกับสถาบันการศึกษาระดับสูง ดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้มาสนใจงานด้านนี้มากขึ้น โดยชูภาพลักษณ์ว่าเป็นงานที่ต้องอาศัยฝีมือและความรู้อย่างมาก ไม่ใช่การทำงานซ้ำซาก

พร้อมกับการพัฒนาศักยภาพการผลิตของบริษัทท้องถิ่นสิงคโปร์ ให้เปลี่ยนโฉมหน้าด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่มายกระดับการผลิตสินค้าและบริการ ซึ่งประเทศที่ใช้แรงงานราคาถูกไม่สามารถเข้ามาตีตลาดแข่งขันได้ และชานมองว่าการยกระดับอุตสาหกรรมการผลิตจะดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนได้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายการขยายอุตสาหกรรมการผลิตขั้นสูงมากขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งชาติสิงคโปร์ (SMF) ระบุว่า ถึงแม้วิสัยทัศน์ของรัฐบาลใหม่มีความท้าทาย แต่เป็นสิ่งที่จำเป็น

“ดักกลาส พู” ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งชาติสิงคโปร์ กล่าวว่า สมาชิกหลาย ๆ คนมองว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องบูรณาการ ปรับเปลี่ยนและให้ความรู้ด้านดิจิทัล และด้านความยั่งยืนของอุตสาหกรรมการผลิตขั้นสูง และถึงแม้แผนของรัฐบาลอีก 10 ปีข้างหน้าจะยากแค่ไหน แต่สามารถทำได้หากทุก ๆ ฝ่ายร่วมมือกัน โดยรัฐบาลหวังว่าจะสามารถดึงดูดประชาชนสิงคโปร์ให้หันมาเข้าร่วมและพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตขั้นสูง เพื่อเป็นการขยายภาคการผลิตของประเทศ