“หัวเว่ย” หันมาหารายได้จาก “ฟาร์มหมู” หลังถูกคว่ำบาตร

หัวเว่ยนำเทคโนโลยีไปใช้ในฟาร์มหมู
Image by Pexels from Pixabay

“หัวเว่ย” พลิกมาใช้เทคโนโลยีเพื่อผู้เลี้ยงสุกร คาดเป็นผลจากมาตรการคว่ำบาตร ที่ส่งผลต่อยอดขายสมาร์ทโฟน

วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 เว็บไซต์บีบีซีรายงานว่า ยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมของจีนถูกสกัดไม่ให้เข้าถึงส่วนประกอบที่สำคัญ หลังจากรัฐบาล “โดนัลด์ ทรัมป์” ตีตราว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา

เพื่อรับมือกับยอดขายสมาร์ทโฟนที่กำลังลดลง “หัวเว่ย” กำลังมองหาแหล่งรายได้อื่น ๆ จากเทคโนโลยีของบริษัท

นอกเหนือจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) สำหรับผู้เลี้ยงสุกรแล้ว “หัวเว่ย” ยังทำงานร่วมกับอุตสาหกรรมเหมืองถ่านหินด้วย

อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อ้างว่า “หัวเว่ย” สามารถแบ่งปันข้อมูลลูกค้ากับรัฐบาลจีน แต่ “หัวเว่ย” ก็ออกปฏิเสธข้อกล่าวหานี้หลายต่อหลายครั้ง

เป็นผลให้ผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมรายใหญ่สุดของโลกถูกจำกัดการผลิตอุปกรณ์ที่รองรับเทคโนโลยี 4G เนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐฯ ให้นำเข้าส่วนประกอบต่าง ๆ

ยอดขายสมาร์ทโฟนของหัวเว่ยร่วงลง 42% ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2563 เนื่องจากมีปัญหากับไมโครชิปที่มีอยู่อย่างจำกัด อันเป็นผลจากมาตรการคว่ำบาตร

หัวเว่ยยังถูกปิดกั้นจากการพัฒนา 5G ในหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงอังกฤษ ท่ามกลางความกังวลเรื่องความมั่นคงของประเทศ

รายงานต่าง ๆ ชี้ว่า หัวเว่ยจะลดการผลิตสมาร์ทโฟนลงกว่า 60% ในปีนี้ แม้ว่าทางบริษัทจะบอกว่า ไม่สามารถยืนยันตัวเลขนี้ได้

“ปัญหานี้ไม่เหมือนกับปัญหาด้านคุณภาพหรือประสบการณ์จากการใช้ผลิตภัณฑ์ มันไม่ยุติธรรมสำหรับหัวเว่ย เพราะหัวเว่ยตกอยู่ในระหว่างความตึงเครียดทางภูมิศาสตร์การเมือง” โฆษกหัวเว่ยกล่าวกับบีบีซี

ดังนั้นดูเหมือนว่าหัวเว่ยจะมองหาแหล่งรายได้อื่น ๆ รวมถึงการขยับขยายไปสู่บริการคลาวด์ คอมพิวติ้ง, ยานพาหนะอัจฉริยะ และอุปกรณ์สวมใส่ต่าง ๆ แม้แต่การวางแผนผลิตรถยนต์อัจฉริยะ

อย่างไรก็ตาม หัวเว่ยก็ยังมีความสนใจในอุตสาหกรรมดั้งเดิมอีกสองสามอย่าง

ฟาร์มหมู

จีนมีอุตสาหกรรมฟาร์มสุกรที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นบ้านของสุกรที่ยังมีชีวิตจำนวนครึ่งหนึ่งของโลก

เทคโนโลยีจะช่วยปรับปรุงฟาร์มสุกรให้ทันสมัย ด้วยการนำเอไอมาใช้ในการตรวจหาโรคและติดตามสุกร

เทคโนโลยีจดจำใบหน้ายังสามารถระบุสุกรแต่ละตัวได้ ขณะที่เทคโนโลยีอื่น ๆ จะตรวจสอบน้ำหนัก, อาหาร และการออกกำลังกาย

ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีรายอื่น ๆ ของจีน ซึ่งรวมเจดีดอทคอมและอาลีบาบา ก็กำลังทำงานร่วมกับผู้เลี้ยงสุกรในจีน เพื่อนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ ไปปรับใช้

“การเลี้ยงสุกรเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการที่เราพยายามฟื้นฟูอุตสาหกรรมดั้งเดิมบางอย่างด้วยเทคโนโลยีไอซีที (เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมในยุค 5G” โฆษกหัวเว่ยกล่าวเพิ่มเติม

เหมืองถ่านหิน

เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา “เหริน เจิ้งเฟย” ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารระดับสูงของหัวเว่ยได้ประกาศเปิดห้องปฏิบัติการนวัตกรรมการทำเหมืองในมณฑลชานซี ทางตอนเหนือของจีน

เขาต้องการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับเหมืองถ่านหิน ซึ่งจะนำไปสู่การใช้แรงงานน้อยลง, ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และมีประสิทธิภาพสูงขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้คนทำงานเหมืองมีโอกาสได้สวมสูทและผูกเนคไทในระหว่างทำงานได้

ระหว่างการประชุมในงานดังกล่าว “เหริน” เผยว่าหัวเว่ยกำลังขยายขอบเขตไปสู่ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภค เช่น โทรทัศน์, คอมพิวเตอร์ และแท็บเล็ต

“เรายังคงอยู่รอดได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการขายโทรศัพท์” เหรินกล่าวและว่า เป็นไปได้ยากมากที่สหรัฐฯ จะลบหัวเว่ยออกจากบัญชีดำ ซึ่งเป็นการห้ามบริษัทต่าง ๆ ทำงานร่วมกับบริษัทเทคโนโลยีของจีน