‘สี จิ้นผิง’ ตั้งกองทัพนักกฎหมาย รับมือพิพาทการค้าโลก

บทความของประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ที่ตีพิมพ์ลงวารสาร Qiushi ของพรรคคอมมิวนิสต์ฉบับล่าสุด มีประเด็นหนึ่งที่ผู้นำจีน เรียกร้องให้เร่งรัดทบทวนการออกกฎหมายที่เกี่ยวกับต่างประเทศ โดยเฉพาะการคว่ำบาตรและการแทรกแซงด้านการค้าระหว่างประเทศ

“เราต้องใช้วิธีการทางกฎหมายต่อสู้กับการคว่ำบาตร ข้อขัดแย้งระหว่างประเทศ การแทรกแซง และการละเมิดจากเขตอำนาจนอกประเทศให้สมบูรณ์ การแข่งขันระดับนานาชาติขณะนี้มีความยุ่งยากมากขึ้น

ทั้งกฎเกณฑ์ กฎหมาย ขอบเขตของกฎหมาย ล้วนกลายเป็นประเด็นสำคัญการแข่งขันทางการค้าระดับนานาชาติมากขึ้น”

ในบทความของผู้นำจีน ยังเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมมือทางด้านกฎหมายเพื่อ “ขยายห่วงโซ่ความปลอดภัย” ปกป้องผลประโยชน์ของจีนในต่างแดน ทั้งยังเรียกร้องให้มีการฝึกอบรม “นักกฎหมาย”

หรือผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายการค้าระหว่างประเทศให้มีความสามารถยิ่งขึ้น สำหรับเตรียมการรับมือข้อพิพาทการค้าระหว่างประเทศของจีนในอนาคตที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ควบคู่กับการขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจ

การเรียกร้องของสี มีขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดี “โจ ไบเดน” ที่หันไปใช้วิธีการทางกฎหมายระหว่างประเทศจัดการกับจีน อาทิ กรณีที่วอชิงตันอ้างกฎหมายแมกนิตสกี (Magnitsky Act)

ซึ่งเป็นกฎคว่ำบาตรบุคคลต่างชาติผู้เกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือผู้กระทำการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างร้ายแรงได้ทั่วโลกที่สภาคองเกรสเห็นชอบตั้งแต่ 2016

โดยเมื่อ ธ.ค. 2021 โจ ไบเดน ได้งัดกฎหมายดังกล่าวสั่งห้ามนำเข้าสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการบังคับแรงงานซินเจียง ทั้งสั่งลงโทษแบนเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลปักกิ่งต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนซินเจียงและฮ่องกง

ขณะที่จีน ซึ่งพยายามหากฎหมายลักษณะเดียวกันมาจัดการกับวอชิงตัน แต่ทว่าด้วยกระบวนการอันล่าช้า ทำให้ปักกิ่งเพิ่งผ่านกฎหมายที่เกี่ยวกับการคว่ำบาตรคล้ายกับของวอชิงตันเมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2021

โดยกฎหมายดังกล่าวของจีนอนุญาตให้ปักกิ่งใช้มาตรการตอบโต้บุคคลและหน่วยงานต่างชาติที่เกี่ยวข้องกับมาตรการเลือกปฏิบัติที่“ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและบรรทัดฐาน” ได้อย่างเป็นทางการ ซึ่งรวมถึงการปฏิเสธวีซ่าและการเนรเทศผู้กระทำผิดออกจากจีน รวมถึงการยึดทรัพย์สินของบุคคลตามกฎหมาย คล้ายกับกฎหมายคว่ำบาตรของสหรัฐ

ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ที่ปรึกษาด้านนโยบายของจีนได้พยายามเรียกร้องให้พรรคคอมมิวนิสต์ปรับปรุงกฎหมายและหาช่องทางปกป้องผลประโยชน์ของชาติทั้งทางทะเล อวกาศ ขั้วโลก

รวมถึงเทคโนโลยีชั้นสูงที่กำลังเติบโตของจีน รวมถึงกฎหมายที่สนับสนุนต่อการปกป้องผลประโยชน์จากโครงการหนึ่งแถบหนึ่งทาง (Belt and Road Initiative) ของจีนที่กำลังขยายตัวอย่างมากทั่วโลกด้วย

ผู้นำจีนยังระบุด้วยว่า การขยายขอบเขตทางกฎหมายจำเป็นต้องรวมถึง เศรษฐกิจดิจิทัล การเงินอิเล็กทรอนิกส์ ปัญญาประดิษฐ์ บิ๊กดาต้า และคลาวด์คอมพิวติ้งด้วย ซึ่งล้วนเป็นอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว สี จิ้นผิงทิ้งท้ายว่า

รัฐบาลปักกิ่งจำต้องสร้างแนวร่วมและความภักดีทางการเมืองต่อบรรดานักกฎหมายทั้งหลายในจีนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อให้ทนายความเหล่านี้สนับสนุนแนวทางของพรรคคอมมิวนิสต์ด้วยความสมัครใจ และมุ่งมั่นเป็น “ทีมทนายความ” ของพรรคและประชาชน