- เจมส์ เคลตัน
- ผู้สื่อข่าวด้านเทคโนโลยี บีบีซีอเมริกาเหนือ
โดนัลด์ ทรัมป์ เคยออกมาวิจารณ์ทวิตเตอร์อย่างดุเดือดหลังจากที่บัญชีของเขาถูกระงับการใช้งาน ซึ่งคาดการณ์ว่าเป็นการระงับตลอดชีวิต
หลังจากเกิดการจลาจลกลางเมืองหลวงที่แคปิตอล ฮิลล์ เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ที่ผ่านมา ทวิตเตอร์กล่าวถึงสาเหตุของการระงับการใช้งานถาวรด้วยเหตุผล “เนื่องจากความเสี่ยงต่อการปลุกปั่นอันนำไปสู่การก่อความรุนแรงมากขึ้น”
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
นายทรัมป์ยังฟ้องทวิตเตอร์เกี่ยวกับสิ่งที่เขาอธิบายว่าเป็นเรื่องของ “การเซ็นเซอร์”
อย่างไรก็ตาม การระงับบัญชีแบบ “ถาวร” นั้นอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไป
อีลอน มัสก์ ทวีตข้อความว่าเขาจะแนะนำเอา “คณะกรรมการ” ที่จะเข้ามาตัดสินใจว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จะได้รับอนุญาตให้กลับมาใช้งานทวีตเตอร์ได้เหมือนเดิมหรือไม่
แต่ถ้านายทรัมป์ถูกรับเชิญให้กลับมาที่แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์นี้ ก็อาจไม่ต้องมานั่งเสียเวลาคิดเลยเสียด้วยซ้ำว่าเขาจะกลับมาเล่นอีกหรือไม่
ท้ายที่สุดแล้วทั้งอีลอน มัสก์ และโดนัลด์ ทรัมป์ ต่างก็ชื่นชอบการเล่นทวิตเตอร์ สำหรับนายทรัมป์ มันเป็นวิธีของเขาในการติดต่อโดยตรงกับผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โดยไม่ต้องอาศัยสื่อในรูปแบบเดิม ๆ
สิ่งที่เป็นเรื่องน่าขันก็คือการทวีตข้อความของนายทรัมป์เป็นวิธีที่ได้รับความสนใจจากสื่อ ข้อความว่า “เขาทวีต” เป็นข้อความปกติที่สำนักข่าวจากทั่วโลกใช้กัน
แต่วันเวลาต่างก็มีการเปลี่ยนแปลง มีเหตุผลมากมายที่อาจทำให้นายทรัมป์ไม่กลับมามีตัวตนในโลกของทวิตเตอร์
ที่มาของภาพ, Reuters
ประการแรก ตอนนี้เขาเป็นเจ้าของและบริหารบริษัทสื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง ที่รู้จักกันในชื่อ “ทรูธ โซเชียล” (Truth Social)
โดยสื่อสังคมออนไลน์ตัวนี้มีหน้าตาเกือบจะเหมือนกับทวิตเตอร์ และอนุญาตให้ผู้คนโพสต์ “ความจริง” ได้ แอปพลิเคชันนี้มีนายทรัมป์เป็นเจ้าของ ดังนั้นเขาจะได้รับผลประโยชน์ทางการเงินโดยตรงในความสำเร็จของบริษัท
และสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดที่ทรูธ โซเชียล มีในขณะนี้ก็คือนายโดนัลด์ ทรัมป์
โดนัลด์ ทรัมป์ จะไม่ได้รับเงินสำหรับการทวีตบนแพลตฟอร์มทวิตเตอร์ แต่เขาจะได้ประโยชน์มหาศาลหากทรูธ โซเชียล กลายเป็นแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์หลัก
โดยในขณะนี้ทรูธ โซเชียลไม่ได้เป็นเช่นนั้น
บริษัทวิเคราะห์แอปพลิเคชันที่ชื่อว่า Sensor Tower ระบุว่าทรูธ โซเชียลมีการติดตั้งเพียง 92,000 ครั้งในเดือนที่แล้ว
เพื่อให้เห็นภาพได้ง่ายขึ้น Sensor Tower ประมาณการว่าทวิตเตอร์ ได้รับการติดตั้งมากกว่า 14 ล้านครั้งในช่วงเวลาเดียวกัน
การเติบโตเพียงเล็กน้อยสำหรับบริษัทสื่อสังคมออนไลน์นั้นเป็นเหมือนคนที่อยู่ในสภาวะโลหิตจาง
ที่มาของภาพ, Reuters
แต่ถ้าทรูธ โซเชียลเล็งเห็นถึงความเกี่ยวข้อง นายทรัมป์ก็ต้องมีตัวตนอยู่ในแพลตฟอร์มนั้น และอยู่ในเฉพาะที่จุดนั้นเท่านั้น
มันเป็นการอธิบายได้อย่างดีว่าทำไม ในแถลงการณ์จากนายทรัมป์ เขาถึงไม่ได้ระบุชัดเจนว่าเขากำลังคิดจะกลับมาที่ทวิตเตอร์
เงินไม่ใช่สิ่งเดียวที่นำมาใช้ประกอบการพิจารณาของนายทรัมป์และที่ปรึกษาของเขา
นอกจากนี้ยังมีชุดความคิดที่ว่าการที่ทรัมป์ไม่ได้อยู่ในทวิตเตอร์ นั้นเป็นการดีกว่าต่อคะแนนเสียงของเขา
ทฤษฎีกล่าวว่าทวิตเตอร์ทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือต่อนายทรัมป์ได้เป็นอย่างดีเมื่อเขาเริ่มสร้างชื่อเสียงของตัวเอง
แต่มาถึงตอนนี้ เขาต้องการทวิตเตอร์จริงหรือ
และสมาชิกพรรครีพับลิกันบางคนเชื่อว่าประชาชนอาจฟัง “ทรัมป์มากเกินไป” เมื่อเขาใช้คำพูดที่ดุดันและการกล่าวอ้างต่าง ๆ ที่สามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนได้ ซึ่งอาจหันเหความสนใจพวกเขาจากประเด็นสำคัญที่พรรครีพับลิกันพยายามจะสื่อออกไป
และถึงแม้ว่านายทรัมป์ต้องการจะกลับมา แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้จะไม่เปิดโอกาสให้เขาแล้ว
ในทวีตของอีลอน มัสก์เมื่อวันศุกร์ (28 ต.ค.) กล่าวว่าคณะกรรมการจะตัดสินว่าบัญชีของผู้ใช้ที่ถูกระงับสามารถกลับมาใช้งานได้หรือไม่
นี่อาจฟังดูคล้ายกับคณะกรรมการกำกับดูแลของเฟซบุ๊ก (Facebook Oversight Board) ที่ตัดสินใจว่านายทรัมป์ควรถูกระงับการใช้งานเฟซบุ๊กเป็นเวลาสองปี (พวกเขาจะต้องตัดสินใจว่าจะให้นายทรัมป์กลับมาใช้งานในเดือน ม.ค. หรือไม่)
เป็นไปได้ที่พวกเขาจะมีข้อสรุปว่าคำสั่งระงับการใช้งานของนายทรัมป์ควรคงอยู่
ทั้งนายทรัมป์และนายมัสก์เป็นผู้ใช้งานทวิตเตอร์ที่ยอดเยี่ยม แต่พวกเขาก็เป็นบุคคลที่ยากต่อการคาดเดาได้เช่นกัน เท่าที่เราทราบโดนัลด์ ทรัมป์ จะสามารถกลับทวีตอย่างมีความสุขในเวลาไม่นาน
แต่มีเหตุผลมากมายให้เชื่อว่าเขาจะไม่กลับมาใช้สื่อสังคมออนไลน์นี้ที่เปรียบเสมือนโทรโข่งตัวโปรดของเขาอีกในเร็ว ๆ นี้
……
ข่าว บีบีซี ไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว
