มันคือฝันร้ายของพ่อแม่ทุกคน ลูกของคุณป่วย คุณพาเขาไปโรงพยาบาล แล้วหมอก็รับตัวไว้รักษา
คุณถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วก้าวออกจากโรงพยาบาลมาได้ 1 นาที
แต่ในนาทีนั้นเอง ชีวิตของอิสมาเอลผู้สื่อข่าวในจังหวัดอิดลิบทางภาคเหนือของซีเรีย ก็เปลี่ยนไปในชั่วพริบตา
เวลา 04:18 น.ตามเวลาท้องถิ่น ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.8 เขย่าพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของตุรกี ติดกับพรมแดนประเทศซีเรียทำให้ทุกอย่างรอบตัวเขาสั่นสะเทือนรุนแรง 2 นาที
“จากนั้นแผ่นดินไหวก็รุนแรงขึ้น” อิสมาเอลเล่าให้ทีมข่าวบีบีซีฟังผ่านสัญญาณโทรศัพท์ที่ไม่ขาด ๆ หาย ๆ
“ไฟดับ และกระจกบริเวณทางเข้าโรงพยาบาลเริ่มแตกเสียหาย”
เขาเห็นอาคารที่พักอาศัย 2 แห่งที่อยู่ห่างไปราว 150 เมตรพังถล่มลงมา และรู้สึกสับสนงุนงงท่ามกลางความมืด
อิสมาเอลอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า “มันเหมือนฉากวันสิ้นโลก ผมเริ่มคิดว่าจะช่วยชีวิตลูกชายออกจากซากปรักหักพังได้อย่างไร”
อีก 1 นาทีต่อมา เขาเห็นมุสตาฟา ลูกชายวิ่งเข้ามาหา กรีดร้องอย่างตกใจ เด็กชายดึงสายให้น้ำเกลือออก ทำให้เลือดไหลทะลักออกจากแขนของเขา
หลังเกิดเหตุราว 1 ชั่วโมงยังไม่มีใครสามารถเข้าถึงอาคารที่พังถล่มลงได้ ขณะเดียวกันก็ไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากหน่วยป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน เพราะไฟฟ้าดับและสัญญาณอินเทอร์เน็ตถูกตัดขาด
อัล-ดานา เป็นเมืองใต้การยึดครองของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรียในจังหวัดอิดลิบ ใกล้พรมแดนตุรกี
หน่วยป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนเป็นหน่วยงานเดียวที่เข้าปฏิบัติการกู้ภัยในภาวะไร้หน่วยงานรัฐบาลในพื้นที่ แต่ความรุนแรงของเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ ทำให้พวกเขาไม่สามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างทั่วถึง
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา อิสมาเอลออกประเมินความเสียหายในจังหวัดอิดลิบ
เขาบรรยายสิ่งที่เห็นว่า “ความเสียหายใหญ่หลวงเกินจะบรรยาย พื้นที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือบริเวณที่เคยถูกโจมตีด้วยระเบิดจากรัฐบาลซีเรียและกองทัพรัสเซีย”
- ตุรกีเผชิญแผ่นดินไหวใหญ่ 2 ครั้งติดกันในวันเดียว ซีเรียสะเทือน ตายรวมกว่า 5,000 คน
- หากเผชิญหน้ากับแผ่นดินไหว เราควรรับมืออย่างไรถึงจะรอดชีวิต
- แนวทางการปฏิบัติเมื่อเกิดแผ่นดินไหว
เหตุการณ์ประชาชนลุกฮือขึ้นต่อต้านรัฐบาลซีเรียในปี 2011 ทำให้ประเทศเข้าสู่ห้วงสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อ ซึ่งรัฐบาลซีเรียที่ได้รับการหนุนหลังจากรัสเซียระดมโจมตีพื้นที่ยึดครองของกลุ่มกบฏ
ความขัดแย้งดังกล่าวทำให้ภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรียกลายเป็นเขตการควบคุมของกองกำลังต่อต้านรัฐบาล สลับไปกับเขตควบคุมของรัฐบาลซีเรีย
อิสมาเอลเห็นอาคารที่พักอาศัยหลายแห่งในเมืองอาตาเรบ ทางตอนเหนือของเมืองอะเลปโปถูกทำลายเสียหายจากแผ่นดินไหว
เขาเล่าว่า “มีอาคารและย่านที่พักอาศัยหลายแห่งที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าให้ความช่วยเหลือไม่ถึง เพราะขาดแคลนอุปกรณ์”
“พวกเราต้องการความช่วยเหลือจากองค์กรระหว่างประเทศ” เขากล่าว
ทรัพยากรล้ำค่า
นายแพทย์ โอซามา ซัลลูม ทำงานให้สมาคมการแพทย์อเมริกันซีเรีย (Syrian American Medical Society หรือ SAMS) ซึ่งให้การสนับสนุนโรงพยาบาลหลายแห่งทั่วพื้นที่ยึดครองของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทางตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย
เขาอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองอาตาเรบ หลังเกิดแผ่นดินไหวได้ไม่กี่ชั่วโมง
“ตอนที่ผมออกจากโรงพยาบาล มีผู้เสียชีวิตราว 53 คน ส่วนผู้บาดเจ็บมีนับไม่ถ้วน” เขาเล่า จากนั้นยอดผู้เสียชีวิตก็พุ่งกว่า 120 คน
นพ.ซัลลูม ระบุว่า โรงพยาบาลมีทรัพยากรไม่เพียงพอรองรับคนเจ็บในเหตุภัยพิบัติใหญ่
เขาบอกว่า “คนส่วนใหญ่ที่ได้รับการช่วยเหลือจากซากปรักหักพัง ซึ่งมีบาดแผลลึก จำเป็นต้องได้รับการรักษาเฉพาะทางและด้วยอุปกรณ์ที่ทันสมัย”
เขาเผยว่า โรงพยาบาลเมืองอาตาเรบมีเครื่องซีทีสแกนเพียง 1 เครื่อง นอกจากนี้ ความช่วยเหลือทางการแพทย์ส่วนใหญ่มักมาจากตุรกี และต้องผ่านกระบวนการตรวจที่เข้มงวด
ดังนั้นจึงไม่ชัดเจนว่า จะมีการส่งอุปกรณ์การแพทย์ชนิดใดเข้ามาในพื้นที่ยึดครองของกลุ่มกบฏในยามที่ตุรกีกำลังเผชิญวิกฤตด้านมนุษยธรรมเช่นกัน
นพ.ซัลลูม บอกว่า “ถ้าเวชภัณฑ์ที่มีอยู่ในปัจจุบันหมดลง พวกเราก็จะลำบาก”
ความหวาดกลัวที่หวนคืน
แผ่นดินไหวยังส่งผลกระทบต่อพื้นที่ในเขตการปกครองของรัฐบาลซีเรียทางภาคเหนือ
อายา ซึ่งไม่ประสงค์เปิดเผยนามสกุล เล่าให้บีบีซีฟังว่า เธอไปเยี่ยมครอบครัวในเมืองลาตาเกียตอนที่เกิดแผ่นดินไหว
เชฟวัย 26 ปี ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นกลางดึกจากแรงสั่นสะเทือนรุนแรง และพบว่าทั้งแม่และพี่น้อง 3 คนตื่นขึ้นเช่นกัน
แม่ของอายาซึ่งป่วยเป็นโรคพาร์กินสันอยู่ในอาการตื่นกลัว
“ฉันรู้สึกช็อกจนตัวแข็ง ได้แต่มองฝาผนังสั่นโยกเยกไปมา” เธอเล่า
“ฉันบรรยายไม่ถูกเลยว่าสถานการณ์มันบ้าคลั่งแค่ไหน”
หลังเกิดเหตุอายาไม่สามารถหารถแท็กซี่ หรือที่พักชั่วคราวให้แม่และพี่น้องเข้าหลบภัยได้ แต่เคราะห์ดีที่ในท้ายที่สุดเธอและครอบครัวสามารถเดินทางไปยังกรุงดามัสกัสสำเร็จ แต่ไม่แน่ใจว่าจะสามารถหวนกลับมายังบ้านของพวกเขาในเมืองลาตาเกียได้อีก
“เราได้เผชิญสงคราม และจำต้องออกจากบ้านในปี 2012” เธอเล่าพร้อมบรรยายว่า เหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นได้ปลุกความหวาดกลัวของเธอขึ้นมาอีกครั้ง
“ฉันรู้สึกในตอนนั้นว่าทุกอย่างรอบตัวฉันอาจพังถล่มลงมา”
“ฉันอาจต้องสูญเสียแม่ หรือพี่น้อง มันเป็นความรู้สึกที่หนักหน่วงและยากเย็นมาก”
แม้จะอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยแล้ว แต่ความหวาดกลัวกลับยังไม่จางหาย
“มันเหมือนบาดแผลเปิดขึ้นมาอีกครั้ง บาดแผลขนาดใหญ่ที่กำลังหายอย่างช้า ๆ ได้เปิดออกอีกครั้ง” เธอกล่าวถึงบาดแผลทางจิตใจจากสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อกว่า 1 ทศวรรษ
“บาดแผลนี้เปิดขึ้นอีกครั้งสำหรับชาวซีเรียทุกคนไม่มีข้อยกเว้น” อายาบอก
สำหรับ นพ.ซัลลูม แผ่นดินไหวครั้งนี้ก็ทำให้เขาหวนนึกถึงช่วงเวลาแสนเลวร้ายขณะอาศัยในเมืองอะเลปโปที่กำลังถูกโจมตีอย่างหนัก
“ผมรู้สึกถึงความตายที่ใกล้เข้ามา ผมได้ยินเสียงอาคาร และก้อนอิฐร่วงลงมา” เขาเล่าถึงตอนเกิดแผ่นดินไหว และได้ยินเสียงผู้คนร้องขอความช่วยเหลืออย่างแตกตื่น
“มันเป็นวันที่ยากลำบาก และมองไม่เห็นจุดจบ”
ข่าว บีบีซี ไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว