รัศมี กวินธยา ไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าจะได้ก้าวเท้าเข้าไปในบ้านพักของประธานาธิบดีศรีลังกาในกรุงโคลัมโบในช่วงชีวิตของเธอ
หนึ่งวันหลังจากฝูงชนจำนวนมากบุกเข้าไปยึดอาคารที่ถือว่าเป็นสถานที่ที่ได้รับการคุ้มครองมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ ผู้คนหลายพันคน รวมถึงกวินธยาหลั่งไหลเข้าไปเพื่อชมดูบริเวณรอบ ๆ บ้านพัก
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
- สหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส ไทย และหลายชาติ ออกแถลงการณ์ร่วม เรียกร้องปล่อยตัวประกันในกาซา
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
อาคารทำเนียบที่ถูกสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลอันโอ่อ่า ประกอบด้วยเฉลียงอันมากมาย ห้องประชุม พื้นที่นั่งเล่น สระว่ายน้ำ และสนามหญ้าขนาดใหญ่ แทบกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว หลังเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ (9 ก.ค.) กดดันให้ประธานาธิบดี โกตาบายา ราชปักษา ต้องหลบหนี
“ดูความโอ่อ่าและหรูหราของสถานที่แห่งนี้สิ” กวินธยา ผู้ที่บุกเข้ามาในบ้านพักของประธานาธิบดีพร้อมกับลูกทั้งสี่ของเธอ กล่าว “เราอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน และบ้านของเรามีขนาดเล็ก แต่บ้านพักประธานาธิบดีนี้เป็นของประชาชนและสร้างขึ้นด้วยเงินของประชาชน”
ชาย หญิง และเด็กหลายพันคนพยายามบุกเข้าไปในบริเวณบ้านพักประธานาธิบดี ในขณะที่แกนนำการประท้วงบางคนพยายามทำหน้าที่จัดระเบียบให้ฝูงชน ด้านตำรวจศรีลังกาและกองกำลังพิเศษได้ยืนอยู่ตามมุมห้อง และเฝ้าดูการบุกทำเนียบอย่างเงียบ ๆ
ขณะที่ผู้คนเดินจากห้องหนึ่งไปอีกห้องหนึ่ง ทุกคนล้วนต้องการบันทึกภาพช่วงเวลาหายากนี้ ด้วยการถ่ายเซลฟี่ ถ่ายภาพหน้าโต๊ะไม้สัก ภาพวาด และบรรยากาศในห้องนั่งเล่น
เก้าอี้ที่หัก กระจกหน้าต่างที่แตก และเครื่องปั้นตกกระจายไปทั่วอาคาร เปรียบเสมือนเครื่องเตือนความทรงจำถึงความโกลาหลและความสับสน หลังจากที่คลื่นประชาชนบุกเข้าในบริเวณทำเนียบประธานาธิบดี
“มันเป็นเหมือนความฝันที่เป็นจริงสำหรับฉันที่ได้เห็นข้างในบ้านพักประธานาธิบดีแบบนี้” เอแอล พรีมาวาร์ดีน ผู้ซึ่งทำงานในสวนสนุกสำหรับเด็กในเมืองกานีมัลลา กล่าว
“พวกเราต้องต่อคิวยาวเหยียดเพื่อรอซื้อน้ำมันก๊าด น้ำมันเชื้อเพลิง และอาหาร แต่ประธานาธิบดีราชปักษากลับมีชีวิตที่ตรงกันข้ามกับพวกเรา”
แกนนำผู้ประท้วงกล่าวว่า พวกเขาจะไม่ออกจากบ้านพักประธานาธิบดีของประธานาธิบดีราชปักษา และบริเวณที่พักของนายกรัฐมนตรี รานิล วิกรมสิงเห จนกว่าพวกเขาจะออกจากตำแหน่งในที่สุด
แม้จะมีอันตรายจากการเหยียบกันตายเนื่องจากฝูงชนหลั่งไหลเข้าไปเพื่อดูอาคาร แต่กองกำลังติดอาวุธหนัก และเจ้าหน้าที่ตำรวจพิเศษกลับยืนเฉย ๆ โดยไม่มีการตอบโต้ในขณะที่อาสาสมัครจากขบวนการประท้วงเข้าควบคุมฝูงชนที่เข้าชมบ้านพัก
สระว่ายน้ำได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ หลายครอบครัวต่างยืนชื่นชมสระน้ำที่เต็มไปด้วยน้ำสีน้ำตาล เห็นได้จากวิดีโอที่บันทึกไว้เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งเผยให้เห็นผู้คนปรบมือและตะโกนส่งเสียงเชียร์เมื่อชายหนุ่มผู้ร่วมประท้วงคนหนึ่งกระโดดลงไปในสระน้ำ
“ฉันรู้สึกเศร้า” นิโรชา ซูดาร์ชินี ฮัทชินสัน ผู้ซึ่งกำลังเยี่ยมชมสถานที่ดังกล่าวพร้อมกับลูกสาววัยรุ่นสองคนของเธอ กล่าว
“ชายคนหนึ่งที่ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีในระบอบประชาธิปไตยต้องจากไปอย่างน่าอับอาย ตอนนี้เราละอายใจที่จะลงคะแนนให้เขา ผู้คนต้องการให้พวกเขาคืนเงินที่ขโมยมาจากประเทศ”
สถานที่ยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งภายในบริเวณบ้านพักของประธานาธิบดีดูเหมือนจะเป็นเตียงสี่เสาที่กลุ่มชายหนุ่มนั่งพักผ่อน ผู้คนที่บุกเข้ามาพูดคุยกันตามทางเดินด้วยภาษาหลักของประเทศนี้ ที่ประกอบไปด้วยภาษาสิงหล ทมิฬ ตลอดจนภาษาอังกฤษ ซึ่งผู้สื่อข่าวได้ยินชัดเจนว่าพวกเขาต่างตื่นเต้นที่ได้เข้ามาเยี่ยมชมสถานที่
ด้านนอกทำเนียบประธานาธิบดี บนสนามหญ้าอันกว้างขวางที่ตกแต่งอย่างสวยงาม มีผู้คนนับร้อยที่เป็นชาวพุทธ ชาวฮินดู และชาวคริสต์ กระจายกันตามจุดต่าง ๆ ทั่วสนามหญ้า และรวมตัวพูดคุยกัน ครอบครัวหนึ่งกำลังปิกนิกกันอย่างสบาย บนสนามหญ้าสีเขียว ซึ่งพวกเขาไม่เคยได้รับอนุญาตให้เข้ามาเมื่อ 24 ชั่วโมงที่แล้ว
ในที่สุด ชาวศรีลังการู้สึกว่าการประท้วงที่ยืดเยื้อมานานหลายเดือนได้นำไปสู่การถอดถอนผู้นำของประเทศ ซึ่งพวกเขากล่าวหาว่าเป็นสาเหตุของการล่มสลายทางเศรษฐกิจ การได้เข้าไปสัมผัสวิถีชีวิตของผู้นำของพวกเขา แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาไม่นานแต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้พวกเขายิ่งโกรธมากขึ้น
…..
ข่าว บีบีซี ไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว