Thor : Ragnarok หนังตลกชัดๆ สนุกตามสูตรมาร์เวล หลายฉาก “ตลกไม่ดูเวล่ำเวลา” จนดราม่าไม่ถึง

แฟนๆ Thor น่าจะเซอร์ไพรส์กับการเปลี่ยนมู้ดและโทนหนังไม่น้อย ถึงขนาดบางคนน่าจะตั้งตัวไม่ทันกับ “มุขตลก” ที่หนัง “ปู-ชง-ตบ” โป๊งชึ่งกันตั้งแต่ฉากแรก จนตัวละคร “ธอร์” ดูกวนโอ้ยหนักกว่าเดิม จนแทบไม่เหลือความซีเรียสใดๆ แต่ที่ชดเชยมาก็คือความสดใหม่ และสีสันที่ทำให้หนังสนุกมากขึ้น

ภาคนี้ หนังจะเล่าเหตุการณ์ต่อจาก Avengers : Age of Ultron เพื่อบอกว่าสองตัวละครหลักที่หลุดออกไปนอกโลกอย่าง ธอร์ และ ฮัลค์ หายหน้าไปไหนในหนัง Captian America : Civil War ฉะนั้น การตามดูภาคเก่าๆ และหนังเรื่องอื่นในจักรวาล MCU จึงจำเป็นอย่างมาก ที่จะทำให้ดู Thor : Ragnarok อย่างมีอรรถรสครบถ้วน ซึ่งภาคนี้ ธอร์ หลุดไปอยู่ดาวอันไกลโพ้น และถูกจับไปเชลยศึก ต้องต่อสู่เพื่อและอิสรภาพ จนได้พบกับ ฮัลค์ เพื่อนตัวยักษ์ร่วมทีม Avengers โดยทั้งสองต้องหาทางกลับแอสการ์ด เพื่อปกป้องดาวบ้านเกิดจาก เฮล่า ตัวร้ายในภาคนี้

โดยรวม หนังยังคงดูสนุกตามสูตรหนัง MCU คืออยู่ในมาตรฐาน แต่ก็ไม่ได้ใหม่จนตื่นเต้นน่าจดจำเท่าไหร่นัก มุขตลกที่ใส่มา มีตั้งแต่ตลกมาก จนถึงขำในลำคอแค่หึหึ หลายๆ มุขตลก บางครั้งถูกใส่เข้ามาแบบ “ไม่รู้จักเวล่ำเวลา” บางซีนที่ควรจะสร้างอิมแพ็คกับคนดูในแง่ดราม่า หรือซีนที่แสดงให้เห็นอารมณ์ของตัวละครที่พฒนาขึ้น หนังก็จะถูกคัทฟีลด้วยมุขตลกไปซะหมด จนหลายครั้งรู้สึกทำให้มู้ดหนังเสียไปเลย ทำให้นึกถึง Guardians of the galaxy 2 ที่มุขตลกต่างถูกใส่มาอย่างถูกจังหวะ กลมกล่อม ส่งให้ตัวละครน่ารัก และไม่กระทบซีนอารมณ์ที่บิ๊วคนดูได้ดีกว่าเยอะ

แต่สิ่งที่ผู้กำกับ Taika Waititi เข้ามาเติมก็คือ พัฒนาการของตัวละครที่มีมิติ-สีสันมากขึ้น ทั้งเก่าและใหม่ หนังค่อนข้างสนุก เวลาที่แต่ละตัวละครมาเจอกัน มีคอนฟลิกซ์ระหว่างกันในสถานการณ์ต่างๆ และหยิบจับปมในภาคก่อนๆ มาจิกกัด ล้อเลียน และเก็บรายละเอียดได้ดี จึงทำให้หลายๆ มุขในภาคนี้ จะเก็ทได้ก็ต่อเมื่อดูหนังในจักรลวาล MCU มาทุกเรื่อง

 

อีกหนึ่งจุดแข็งของหนังคือ “ตัวละคร” ที่ทุกคนสุกงอมกับบทบาทของตัวเอง ธอร์ และ โลกิ เติบโตและมีพัฒนาการ แต่ก็ดูผ่อนคลายขึ้น โดยเฉพาะ ทอม ฮิดเดิลสตัน ที่ทำให้โลกิ เป็นตัวร้ายที่มีคนรักมากที่สุดคนหนึ่ง ตัวละครนี้มีความเจ้าเล่ห์ ไม่น่าวางใจ แต่ก็ดูมีความดีหลงเหลือ จนน่าสงสารและอยากเอาใจช่วย เดาทางไม่ออกจริงๆ และในภาคนี้ก็ทำให้เราเห็นความสัมพันธ์ของสองพี่น้องมากขึ้น

ส่วนที่โดดเด่นมากเลยคือ เฮล่า ของดาราสาวตัวแม่ดีกรีออสการ์ เคต บลันเชตต์ ที่ร่ายมนต์สะกดคนดูได้ตลอด จนละสายตาจากเฮล่าไม่ได้เลย สง่าจริงๆ นางมีความร้ายแบบนางพญา ที่ดูสนุกสนานกับบทบาทของตัวเอง เป็นตัวร้ายที่ดูยกระดับจากการตัวอื่นๆ ที่คนดูมักไม่จดจำและตายไปอย่างง่อยๆ ขณะที่สองตัวละครใหม่ของ เทสซ่า ธอมป์สัน และ เจฟฟ์ โกลด์บรัม ก็แย่งซีนและทำให้หนังมีสีสันอย่างมาก

 

ฉากแอ็คชั่นภาคนี้ ดีไซน์ออกมาได้เท่ และเซอร์วิสคนดูแบบสะใจแน่นอน สามารถใช้ประโยชน์จากศักยภาพแต่ละตัวละครได้ดี ผสานกับเพลงประกอบที่ขับเคลื่อนหนังให้ดูเร้าอารมณ์ กระตุ้นคนดูตลอด

สำหรับกระแสที่ออกมาคือ คนที่ชอบกับมุขที่หนังใส่มาจนกลายเป็นหนังตลก และอีกกลุ่มที่มองว่าหนังเสียมู้ดและตัวตนเดิมไปพอสมควร ส่วนตัวมองว่า ไม่ผิดที่หนังจะพยายามฉีกด้วยการเพิ่มมิติความตลกลงไป เพียงแต่มัน “เยอะ” จนเราไม่รู้สึกอิ่มไปกับดราม่า และการเติบโตบางอย่างของตัวละครที่ควรจะซีเรียสมากกว่านี้ ถ้าผสมกันให้ลงตัวแบบ Guardians of the galaxy 2 หนังจะสมบูรณ์แบบทีเดียว

อย่างไรก็ตาม นี่คือหนังที่ดูสนุก และเต็มไปด้วยฉากแอ็คชั่นมันส์ๆ ในแบบฉบับ MCU แม้เรื่องจะเดินเป็นเส้รตรงและเดาได้ง่ายก็ตาม แต่ถ้าเป็นแฟนธอร์อยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะพลาดหนังเรื่องนี้เลย