Star Wars: The Last Jedi ปูทางสู่บทใหม่อย่างให้เกียรติต้นฉบับ และคำว่า The Last Jedi อันทรงพลัง

หนึ่งในภาพยนตร์ภาคต่อฟอร์มยักษ์ที่คนทั่วโลกรอคอย กระแสออกมาแตกเป็นสองเสียง ทั้งชอบ ในความสดใหม่ และกล้าที่จะทำในสิ่งที่ สตาร์วอร์ส ไม่เคยทำ กับแฟนคลับบางกลุ่มที่มองว่าหนังสูญเสียความออริจินัลไปหลายอย่าง

ส่วนตัวผู้เขียนคงไม่เอาภาคนี้ไปวัดกับ The Empire Strikes Back ว่าดีกว่าหรือเทียบเท่ากัน แต่สำหรับเรา The Last Jedi มันให้อารมณ์ในแบบเดียวกัน มันมีสไตล์ และสมบูรณ์แบบในตัว มีองค์ประกอบที่หนังบล็อกบัสเตอร์ดีๆ ควรจะมี ทั้งความสนุก ความครบรส เล่าเรื่องดี สร้างความอิมแพ็คกับคนดู และมีอะไรมาเซอร์วิสแฟนๆ ให้ได้กรี๊ดกร๊าดกันทั้งเรื่อง

ส่วนที่ชอบ ผู้กำกับ “ไรอัน จอห์นสัน” กล้าที่จะทดลองอะไรใหม่ๆ ลงไป หยอดมุขตลก หักมุมสับขาหลอกไปมาจนคาดเดาไม่ได้ หักชนิดแฟนคลับยังอ้าปากค้าง หลายๆ ตัวละครที่ปูมาก็หักมุมแบบอึ้งๆ กันไป และทุกอย่างไม่เป็นไปตามสูตรตายตัวแบบ 100% อีกต่อไป และหนังดูง่ายขึ้นมาก แต่ก็ยังคงไว้ด้วยอัตลักษณ์ คารวะความเป็นสตาร์วอร์สแบบครบถ้วน อีกทั้งภาคนี้ยังสามารถคลายปมต่างๆ ที่วางไว้จากภาคที่แล้วได้ค่อนข้างดี รวมถึงตัวละครอย่าง ลุค และ เลอา ก็ถูกนำมาใช้อย่างมีเหตุผลและทรงอิทธิพลต่อหนัง

ตัวละครหลักๆ ภาคนี้ มีพัฒนาการและมิติมากขึ้น ยกเว้น “ฟินน์” ที่ดูดร็อปลงกว่าใครเพื่อน เราจะได้เห็นภาวะต่างๆ ในจิตใจ การต่อสู้-ควบคุมพลัง และความเป็นผู้นำ ที่ตัวละครได้เติบโตจากที่ The Force Awakens ได้ปูเอาไว้ จนคนดูรักและเอาใจช่วย ต้องชม Rian Johnson ที่สานต่อบทมาดีมาก แม้จะมีบางช่วงที่แอบรู้สึกว่าเสียเวลาเล่านานเกินไป บางปมก็รวบรัดง่ายๆ บางอย่างดูไม่เมคเซนส์ หรือตัวละครบางตัวดูไม่มีที่มาที่ไป

มาร์ค แฮมิล และ แครี่ ฟิชเชอร์ คือสิ่งที่ตรึงคนดูแบบละสายตาไม่ได้ พลังล้นออกมานอกจอ ทุกซีนของ “เลอา” ทำให้รู้สึกมีความหวัง อุ่นใจ เหมือนเธอคือสัญลักษณ์ของสิ่งนี้ไปแล้ว ส่วนตัวละครจากภาคที่แล้วก็มีสีสันมากขึ้น โดยเฉพาะ อดัม ไดรฟ์เวอร์ ที่แสดงถึงความสับสน เป็นตัวร้ายที่สีหน้าเต็มไปด้วยจิตใจที่บุบสลาย และความเจ็บปวด เราโคตรชอบที่ภาคนี้ให้เวเดอร์ไม่ต้องใส่หน้ากาก ไม่ต้องซ่อนอะไรไว้ในนั้น มันทำให้เป็นตัวร้ายที่คนดูแอบเห็นใจเบาๆ แคสติ้งก็ดีมากก

อีกส่วนที่ชอบ หนังสามารถเบลนด์ระหว่างตัวละครอดีต ปัจจุบันได้อย่างกลมกล่อม และขมวดเรื่องส่งต่อไปยังทิศทางใหม่ๆ ได้ดี ให้เกียรติตัวละครเก่าและเคารพต่อแฟนๆ พร้อมปูทางให้ตัวละครใหม่สู่ไตรภาคต่อไปได้น่าประทับใจ จนคำว่า The Last Jedi ดูขลัง และทรงพลังมาก มันคือภาคแห่งการ “ส่งต่อ” อย่างแท้จริง งานโปรดักชั่นดีไซน์ ภาคนี้เล่นกับโทนสีได้อย่างมีพลัง และซ่อนนัยยะให้ตีความได้สนุก การกำกับภาพก็สวย หลายฉากงานภาพทำให้หนังมีพลังมาก

หนังมีฉากเซอร์วิสแฟนบอยเพียบ ฉากแอ็คชั่นก็ทำถึง สงคราม ยานไล่ล่า และฉากดวลไลท์เซเบอร์ที่เท่ แต่ขอหักคะแนนว่าไม่เต็มอิ่มเท่าที่ควร ปกติฉากไลท์เซเบอร์จะเป็นไคลแม็กซ์ของหนังเลย แต่โดยรวมสนุกมาก แม้จะมีแผลเล็กๆ ในเรื่องความเมคเซนส์บางจุด บางซีนไม่น่าเน้น ก็ไปใช้เวลาเยอะ แต่หนังลำดับเรื่องได้สมูท จนไปพีคช่วงท้ายแบบฟินมากๆ จนอยากดูภาคต่อไปแล้วววว อย่าไปฟังใครว่าชอบหรือไม่ ดีหรือแย่ ควรไปตัดสินด้วยตาของตัวเองครับ

 

ขอบคุณภาพจากแฟนเพจ Star Wars