เบนซ์ส่ง E-Class ใหม่ถล่มมอเตอร์โชว์ ขายเริ่มต้น 3.99 ล้านบาท

Mercedes-Benz E-Klasse | 2023 Mercedes-Benz E-Class 2023

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ไทยแลนด์ ส่ง E-Class ใหม่ Launch Edition เซอร์ไพรส์กลางเวที มอเตอร์โชว์ 2024 ครั้งแรกในไทย เปิดขายจำนวนจำกัด 

วันที่ 25 มีนาคม 2567 รายงานจากบริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ว่า บริษัทได้ใช้เวทีงาน มอเตอร์โชว์ เปิดตัวยนตรกรรมระดับไอคอนของแบรนด์อย่าง “The new E-Class : Launch Edition” ที่มาพร้อมกับความเป็นเลิศของ Business Saloon สุดหรูที่มาพร้อมรูปลักษณ์ที่แตกต่างจากเดิมในทุกองศา

ที่ผสานความเป็นเลิศในทุกด้าน ทั้งการออกแบบ เทคนิคที่ล้ำสมัย และความสะดวกสบายชั้นเยี่ยม มาพร้อมรหัสตัวถัง W214 ด้วยรูปลักษณ์ที่แตกต่างจากเดิมในทุกองศา และขนาดตัวถังที่ใหญ่ขึ้นในทุกมิติ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “EVOLVES WITH YOU”

สำหรับ The new E-Class : Launch Edition มีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่

  • รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล “E 220 d AMG Line”
  • และรุ่นเครื่องยนต์ Plug-in Hybrid “E 350 e AMG Dynamic”

สำหรับรุ่น E 220 d AMG Line ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร 1,993 ซีซี 197 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร ที่ 1,800-2,800 รอบต่อนาที อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 7.6 วินาที ทำงานร่วมกับ 48V electrical system (ISG2) 23 แรงม้า 205 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ (9G-TRONIC) ส่วน

ส่วนรุ่น E 350 e AMG Dynamic มาพร้อมการขับเคลื่อนในรูปแบบรถปลั๊ก-อินไฮบริด ด้วยเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ แบบ 4 สูบแถวเรียง เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งระบบ ให้แรงม้ารวมสูงสุด 313 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 550 นิวตันเมตร มาพร้อมระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 6.5 วินาที

โดยมีการติดตั้งแบตเตอรี่แรงดันสูงที่มีความจุ 25.4 kWh ช่วยให้สามารถขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าได้ไกลมากกว่า 100 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP

โดยรองรับการชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบกระแสตรง (DC Charge) สูงสุด 55 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 0-100% เพียง 30 นาที ส่วนการชาร์จแบบกระแสสลับ (AC Charge) รองรับสูงสุด 11 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 0-100% ในระยะเวลา 2 ชั่วโมง 30 นาที

รถทั้ง 2 รุ่นมาพร้อม การดีไซน์รอบคันด้วย AMG Bodystyling ที่มอบความดุดันตามแบบฉบับของ AMG พร้อมระบบปิดประตูแบบ Soft Close ทางด้านของ E 220 d AMG Line มาพร้อมไฟหน้า LED high-performance ทำงานร่วมกับระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Adaptive Highbeam Assist กุญแจ KEYLESS-GO Comfort Package ที่สามารถควบคุมด้วยระบบดิจิทัลผ่านสมาร์ทโฟน

ช่วงล่างติดตั้งล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ต ขนาด 19 นิ้ว ทำงานร่วมกับระบบกันสะเทือนแบบ AGILITY CONTROL ช่วยซับแรงกระแทกและทำให้การขับขี่มีความนุ่มนวลยิ่งขึ้น

ส่วน E 350 e AMG Dynamic โดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบเรืองแสง ติดตั้งไฟหน้า DIGITAL LIGHT และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Adaptive Highbeam Assist Plus ช่วยเสริมความปลอดภัยในการขับขี่และการโดยสาร หลังคาพาโนรามิกซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า และยกระดับเทคโนโลยีด้วย Heat and noise-insulting acoustic glass ช่วยสะท้อนความร้อน ป้องกันรังสีอินฟราเรดและเสียงสะท้อนจากภายนอก

ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG ขนาด 20 นิ้ว ที่ออกแบบให้มีการลดอากาศหมุนวนบริเวณด้านข้างล้อ เพื่อทุกการขับขี่ที่เต็มไปด้วยสุนทรียภาพและความปลอดภัยขั้นสูง

 ภายในห้องโดยสารของทั้งสองรุ่นมีการตกแต่งแบบ AMG Interior Package ที่เน้นความสปอร์ตแต่ยังคงความหรูหรา พวงมาลัย Multifunction sports steering เบาะหนังสีดำ มาพร้อมระบบปฏิบัติการ MBUX เจเนอเรชั่นที่ 3 พร้อมกล้อง Selfie สำหรับการประชุมงานหรือเพิ่มความบันเทิง

จอ MBUX Superscreen ขนาดใหญ่พิเศษ 14.4 นิ้ว บริเวณแผงคอนโซลกลาง และจอขนาด 12.3 นิ้ว บริเวณผู้โดยสารตอนหน้า มีการปรับปรุงให้สามารถรับ-ส่งข้อมูลออนไลน์ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมระบบ AI ที่จะเรียนรู้และปรับฟังก์ชั่นต่าง ๆ ของรถยนต์ให้เข้ากับพฤติกรรมและรสนิยมของผู้ขับขี่ ทั้งยังติดตั้งระบบปรับอากาศ ENERGIZING AIR CONTROL ที่สามารถปรับทิศทางลมได้อย่างอิสระ และฟังก์ชั่นอื่น ๆ ที่พร้อมจะมอบความสะดวกสบายอันเหนือระดับไว้อย่างเต็มพิกัด

ส่วนในด้านเทคโนโลยีและความบันเทิง E 220 d AMG Line มีไฟ Ambient Lightning Plus 64 เฉดสี ติดตั้งระบบ MBUX Augmented Reality สําหรับแผนที่นําทาง

E 350 e AMG Dynamic มาพร้อม Digital Vent Control ช่องแอร์ที่ปรับการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า เพื่อให้มีการหมุนเวียนอากาศเสมือนมีลมธรรมชาติภายในห้องโดยสาร พร้อมเทคโนโลยี Head-up display ให้ผู้ขับขี่สามารถเห็นข้อมูลการขับขี่โดยไม่ต้องละสายตาจากท้องถนน ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® 4D Surround Sound System ลำโพง 21 ตัว ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี Dolby Atmos ไฟรอบห้องโดยสารแบบ Active Ambient Lighting ที่สามารถปรับแสงสีในห้องโดยสารให้เป็นไปตามจังหวะเพลง ให้ทุกการเดินทางเต็มไปด้วยความเพลิดเพลินในทุกอารมณ์

และยังการติดตั้งระบบความปลอดภัย Driving Assistance Package Plus ในรถยนต์ทั้งสองรุ่นตามมาตรฐานของเมอร์เซเดส-เบนซ์

  • ระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Active Distance Assist DISTRONIC)
  • ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ (Active Brake Assist)
  • ระบบพวงมาลัยช่วยผ่อนแรงหักหลบสิ่งกีดขวางระยะกระชั้นชิด (Evasive Steering Assist)
  • ระบบรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร (Active Lane Keeping Assist)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Active Blind Spot Assist)

สำหรับราคาจำหน่ายของทั้งสองรุ่นมีดังนี้

  1.  E 220 d AMG Line เปิดราคาจำหน่าย 3,990,000 บาท มีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาว
    (Polar White) สีดำ (Obsidian Black) สีเงิน (High-tech silver) และสีเทา (MANUFAKTUR Alpine Grey Solid)
  2. E 350 e AMG Dynamic เปิดราคาจำหน่าย 4,250,000 บาท มีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาว (Polar White) สีดำ (Obsidian Black) สีเงิน (High-tech Silver) และสีเทา (Graphite Grey)