นายโทนี่ เฟอร์นันเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มสายการบินแอร์เอเชีย และนายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย แถลงข่าวร่วมกันภายหลังเข้าพบนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจและนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า 1.แอร์เอเชียมีแผนลงทุนศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) ในพื้นที่สนามบินอู่ตะเภา แน่นอน ร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการซ่อมบำรุง ประมาณ 2-3 บริษัท ซึ่งจะได้ข้อสรุปภายในเดือนนี้ มูลค่าลงทุน 150 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ
ทั้งนี้ เมื่อได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลจะสามารถดำเนินการสร้างได้ทันทีแล้วเสร็จสามารถให้บริการได้ภายใน 1 ปี ซึ่งส่วนต่อขยายจะสามารถรองรับเครื่องบินได้ 300-350 ลำ โดยเครื่องบินของแอร์เอเชียทั้งหมดมีประมาณ 200 ลำ อาทิ ในไทย 63 ลำ อินโดนีเซีย 24 ลำ มาเลเซีย 90 ลำ ฟิลิปปินส์ 12 ลำ ซึ่งจะมาซ่อมที่นี่ทั้งหมด นอกจากนี้คาดว่าจะมีธุรกิจต่อเนื่องมาตั้งโรงงานเล็ก ๆ เช่น การลงทุนการผลิตชิ้นส่วนอากาศยาน รวมแล้วอย่างน้อยไม่ต่ำว่า 15-20 บริษัท
- “ทางรัฐ” ซูเปอร์แอปแห่งชาติ รองรับแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
2.การลงทุนก่อสร้างอาคารผู้โดยสารสำหรับสายการบินราคาประหยัด (Low cost Terminal) ซึ่งแอร์เอเชียจะหาผู้ลงทุนมาให้ ไม่ลงทุนเอง เพราะไม่มีความเชี่ยวชาญ จะเป็นตัวกลางให้สายการบินอื่นมาลง จะทำให้ค่าตั๋วถูกลง ค่าสนามบินลดลงได้ จะสามารถดึงนักท่องเที่ยวมาได้ กระตุ้นให้คนในภูมิภาคอาเซียนหรือประเทศรอบ ๆ เอเชียบินตรงมาอู่ตะเภา คาดว่าภายใน 5-6 ปีจะมีผู้โดยสารเกิน 10 ล้านคนไปที่อู่ตะเภา ซึ่งการพัฒนาให้ผู้โดยสารมาลงที่สนามบินอู่ตะเภานั้น ขณะนี้แอร์เอเชียมีเครื่องบินอยู่ในอู่ตะเภา 2 ลำ โดยมีแผนเพิ่มเครื่องบินในปีนี้ 1 ลำ และเพิ่มอีกอย่างปีละ 2 ลำไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินเสร็จจะเพิ่มอีกปีละ 4-5 ลำ
3.ความร่วมมือระหว่างแอร์เอเชียกับการท่าอากาศยาน (ทอท.) ในการพัฒนาสนามบินใหม่ โดยเฉพาะการส่งเสริมท่องเที่ยวเมืองรองเพื่อเพิ่มขยายจำนวนนักท่องเที่ยว เช่น สนามบินเชียงใหม่แห่งใหม่ สนามบินภูเก็ตแห่งใหม่ โดยการสร้าง Low cost Terminal เพื่อกระตุ้นนักท่องเที่ยวมาใช้บริการมากขึ้น รวมถึงสนามบินรอง เช่น ชุมพร ตราด เพราะจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในอนาคต
“ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามจิ๊กซอที่เรามองไว้ คือ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินเสร็จสำคัญที่สุด มี Low cost Terminal ถ้าราคาภาษีสนามบิน (Airport Tex ) ปัจจุบันอยู่ที่ 400 บาท ลดลงมาครึ่งหนึ่ง หรือ 250 บาท เฉพาะสายการบินต่างชาติ ผมคาดว่าภายใน 5 ปีจะมีผู้โดยสารใช้บริการเท่ากับสนามบินดอนเมืองหรือสุวรรณภูมิ หรือ 20-30 ล้านคน”
ด้านนายกอบศักดิ์ กล่าวว่า การหารือวันนี้เป็นหัวใจสำคัญของรัฐบาลในการพัฒนา EEC และ อู่ตะเภาต่อไปเพราะสนามบินอู่ตะเภาจะเป็นสนามบินนานาชาติแห่งที่ 3 ของประเทศไทย ต่อจากดอนเมืองและสุวรรณภูมิ คาดว่าภายในเดือนหน้าจะมีร่างหลักเกณฑ์และเงื่อนไข (TOR) การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์การบิน ขณะที่สนามบินอู่ตะเภาภายใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้าจะมี TOR ออกมาเพื่อเชิญชวนนักลงทุนมาประมูลเพื่อลงทุนในตัวสนามบินอู่ตะเภาเป็นการลงทุนต่อจากบริษัทแอร์บัสและแอร์เอเชีย ซึ่งรัฐบาลจะนำข้อเสนอของแอร์เอเชียไปพิจารณาต่อไป
นายสมคิด กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมรับข้อเสนอของแอร์เอเชียไว้พิจารณาทั้งหมด แต่รัฐบาลจะพิจารณาว่าจะรับข้อเสนอหรือไม่ โดยยึดหลักการความคุ้มค่าของประโยชน์ประเทศที่จะได้รับ นอกจากนี้แอร์เอเชียเสนอมาว่าในอนาคตข้างหน้าถ้าหาก Low Cots Air Line ของไทย คือ บริษัทนกแอร์ร่วมมือกับแอร์เอเชีย ก็จะเป็นเรื่องที่น่ายินดี ร่วมมือกันไม่ต้องเป็นคู่แข่งกัน
