โควิดเชียงใหม่เพิ่ม 151 ราย พบอีก 3 คลัสเตอร์ใหม่ “ออฟฟิศ-ขายตรง-งานศพ”

โควิดเชียงใหม่ยังเพิ่มอีก 151ราย ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 2,970 ราย กำลังรักษาตัวอยู่ 2,567 ราย พบอีก 3 คลัสเตอร์ใหม่’ ออฟฟิศ-บริษัทขายตรง-งานศพ’ เฉพาะบริษัทขายตรงติดเชื้อจากงานเลี้ยงในบริษัท ในกลุ่มพนักงาน 60 คน พบผู้ติดเชื้อทั้งหมด 25 คน

เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2564 ที่ศูนย์บัญชาการเมื่อสถานการณ์การระบาดโรค Covid-19 จังหวัดเชียงใหม่ นายวีระพันธ์ ดีอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย ดร.ทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมแถลงถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จังหวัดเชียงใหม่

นายวีระพันธ์ ดีอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการตรวจหาผู้สัมผัสรวมของผู้ป่วยในกลุ่มต่างๆ พบว่า มีการแพร่ระบาดของเชื้อในพื้นที่หลายอำเภอ ของจังหวัดเชียงใหม่ เช่น ที่สถานปฏิบัติธรรม ตำบลป่าแดด อำเภอเมืองเชียงใหม่ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อำเภอดอยสะเก็ด หรือที่สถานที่รับเลี้ยงเด็กมูลนิธิในอำเภอเมืองเชียงใหม่ โดยพบว่า สาเหตุการติดเชื้อมาจากการทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งมาจากต่างครอบครัว มีผลทำให้เกิดการแพร่ระบาดในวงกว้าง และขอความร่วมมืองดการจัดกิจกรรมใด ๆ ที่จะต้องรวมกลุ่มคน

ล่าสุด จังหวัดเชียงใหม่ได้ประชุม ทบทวน ติดตามการทำงานของศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ทั้ง 25 อำเภอ ตามข้อสั่งการของส่วนกลางในการสอดส่องเพื่อป้องกันไม่ให้มีการมั่วสุมลักลอบเล่นการพนัน การสังสรรค์ของคนหมู่มาก ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แบบกลุ่มก้อน โดยจะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่

ด้าน ดร.ทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยถึงจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ของจังหวัดเชียงใหม่ (23 เมษายน 2564) ว่า ข้อมูลที่นำมารายงานในทุกวันนั้น เป็นข้อมูลจริงจากการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งพบยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่มีจำนวน 151 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 2,970 ราย กำลังรักษาตัวอยู่ 2,567 ราย และรักษาหายแล้ว 403 ราย ซึ่งรักษาหายเพิ่มขึ้นจากเมื่อวานนี้ 2 เท่า

ส่วนการตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยงได้ดำเนินการตรวจไปแล้ว 47,241 ราย พบผู้ติดเชื้อคิดเป็นร้อยละ 6.36 โดยผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ เป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชายและจำนวนผู้ป่วยจากการติดเชื้อในสถานบันเทิงลดลง จาก 50 % เหลือประมาณ 46.7 % แต่ที่น่าเป็นห่วงคือการสัมผัสในครอบครัวเพิ่มขึ้นจาก 15.00 % เป็น 15.4 % รวมทั้งการสัมผัสในชุมชน การสัมผัสในที่ทำงานก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

สำหรับสถานการณ์จาก 3 กลุ่มที่ติดเชื้อโควิด – 19 เมื่อวานนี้ กลุ่มสถานปฏิบัติธรรม ตำบลป่าแดด พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก 18 ราย ซึ่งทั้งหมดนี้ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสนามทั้งหมดแล้ว ส่วนกลุ่มคลัสเตอร์ศูนย์เด็กเล็กเทศบาลตำบลแม่คือ พบผู้ติดเชื้อเพิ่มในส่วนของกลุ่มครอบครัวของเด็กเล็ก อีก 6 ราย

และกลุ่มคลัสเตอร์ในเรือนจำกลาง อำเภอแม่แตง พบผู้ติดเชื้อจำนวน 17 ราย โดยเป็นผู้ต้องขังแรกรับ ที่พบจากการตรวจในระหว่างกักตัวตามมาตรการ 14 วัน ซึ่งได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสนามเรือนจำกลางเชียงใหม่

ส่วนกลุ่มผู้ติดเชื้อรายใหม่ (คลัสเตอร์ใหม่) มีจำนวน 3 คลัสเตอร์ด้วยกัน โดยเป็นการแพร่ระบาดในหน่วยงานแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ในแผนกเดียวกัน การติดเชื้อทั้งหมด 13 คน จากบุคลากรในแผนก 80 คน โดยติดเชื้อมาจากการไปเที่ยวสถานบันเทิงเมื่อตอนต้นๆ ของช่วงการแพร่ระบาดในระลอกเดือนเมษายน

หลังจากนั้นก็ได้ไปทำงานโดยที่ไม่มีอาการ และไม่ทราบว่าติดเชื้อ และมีการรับประทานอาหารและการประชุมร่วมกัน ทำให้เกิดการแพร่ระบาดภายในหน่วยงานขึ้น

คลัสเตอร์ที่สองเป็นคลัสเตอร์จากงานศพ ในอำเภออมก๋อย เป็นการแพร่ระบาดจากการติดเชื้อในอำเภอเมือง เช่นกัน และกลับบ้านไปร่วมงานศพ ทำให้เกิดการติดเชื้อเพิ่มขึ้นจำนวน 7 คน ทั้งนี้ ทีมสอบสวนโรคของอำเภออมก๋อยได้คัดกลุ่มเสี่ยงสูงและกลุ่มเสี่ยงต่ำได้ทั้งหมด 200 คน จะได้ทำการตรวจคัดกรองต่อไป

สำหรับคลัสเตอร์สุดท้ายเป็นบริษัทขายตรงแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ เป็นการติดเชื้อจากงานเลี้ยงในบริษัท ในกลุ่มพนักงาน 60 คน พบผู้ติดเชื้อทั้งหมด 25 คน

อย่างไรก็ตาม จากทั้ง 6 คลัสเตอร์นี้จะเห็นได้ว่าส่วนมากเกิดจากความสนิทสนมของผู้ร่วมงาน หรือคนในชุมชน ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว คนที่ทำงาน หรือเพื่อนบ้านเดียวกัน ทำให้ละเลย ในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค จึงเป็นที่มาของการระบาดเป็นกลุ่มก้อนในหลายๆคลัสเตอร์ดังกล่าว

ดังนั้น จึงต้องมีการป้องกันตนเอง โดยการสวมหน้ากากอนามัย 100% หมั่นล้างมือ รักษาระยะห่าง หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารร่วมกันในกลุ่มเพื่อน เพื่อความปลอดภัย

ในส่วนของการจัดงานต่าง อาทิ งานมงคล งานอวมงคล หากสามารเลื่อนได้ขอแนะนำให้เลื่อนออกไปก่อน หากมีความจำเป็นที่เลื่อนไม่ได้ ต้องมีการควบคุมคนที่เข้าร่วมงานให้ต่ำกว่า 50 คน

กรณีที่มีการสอบถามถึงการดูแลผู้ป่วยอื่นๆ หรือผู้ป่วยทั่วไปในโรงพยาบาลนั้น ทางสาธารณสุขขอยืนยันว่า ไม่มีผลกระทบ เนื่องจากผู้ป่วยที่เป็นโรค อื่นๆและโรคติดต่อนั้น มีจำนวนลดลง จากการที่สวมหน้ากากอนามัยและรักษาระยะห่าง ไม่ว่าจะเป็นโรคอุจจาระร่วง ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม และมือเท้าปาก

ในส่วนของผู้ป่วยหนักก็ยังมีตามปกติ โดยโรงพยาบาลทุกแห่งจะมีการจัดทีมแพทย์และพยาบาลในการอยู่เวรดูแลรักษาผู้ป่วยอื่นๆ อย่างเพียงพอ

กรณียาที่ใช้รักษาผู้ป่วยโควิด รวมไปถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ และเตียงรักษาผู้ป่วยนั้น ยืนยันว่าขณะนี้มีเพียงพอและสามารพบริหารจัดการได้

ในส่วนระบบของการรับผู้ป่วยเข้ารับการรักษานั้น ผู้ป่วยจะต้องได้รับการประเมินอาการจากโรงพยาบาลสนามก่อน จึงจะเข้ามารักษาในโรงพยาบาลสนาม โดยจะมีการจัดรถของโรงพยาบาลสนามเข้าไปรับ เพื่อความปลอดภัยของทุกคน